พันธุ์ข้าว ข้าวไทยหลายสายพันธุ์ ทำให้มีข้าวอร่อยบนโต๊ะอาหาร
- พันธุ์ข้าวมีความหลากหลาย – ประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวที่ผ่านการรับรองมากกว่า 172 พันธุ์ แบ่งตามนิเวศการปลูก การตอบสนองต่อช่วงแสง และคุณสมบัติพิเศษ
- เลือกพันธุ์ให้เหมาะกับพื้นที่ – การพิจารณาสภาพแวดล้อม ปริมาณน้ำ สภาพดิน และความต้องการของตลาดจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดีและราคาขายที่เหมาะสม
- กรมการข้าวพัฒนาอย่างต่อเนื่อง – มีการรับรองพันธุ์ใหม่ปีละ 4-5 พันธุ์ ที่มุ่งเน้นผลผลิตสูง ทนโรคแมลง และเหมาะกับสภาพแวดล้อมไทย
- ซื้อเมล็ดพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ – ควรเลือกซื้อจากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวของกรมการข้าวหรือผู้จำหน่ายที่ขึ้นทะเบียนเพื่อความมั่นใจในคุณภาพ
พันธุ์ข้าว ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำนาในประเทศไทย ที่ทำให้เรามีข้าวคุณภาพดีหลากหลายชนิดบนโต๊ะอาหารทุกวันนี้ การเลือกปลูกข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพภูมิอากาศ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดี แต่ยังส่งผลต่อรายได้และความมั่นคงทางอาหารของประเทศด้วย ปัจจุบันประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวที่ผ่านการรับรองจากกรมการข้าวมากกว่า 172 พันธุ์ แต่ละพันธุ์ต่างมีจุดเด่นและความพิเศษเฉพาะตัว
จากการที่ประเทศไทยมีภูมิประเทศและสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกข้าว จึงทำให้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ การเข้าใจถึงลักษณะและความแตกต่างของแต่ละสายพันธุ์จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมได้ รวมถึงผู้บริโภคจะได้เข้าใจว่าข้าวที่รับประทานอยู่นั้นมาจากสายพันธุ์ใดและมีคุณสมบัติอย่างไร

ความหมายของพันธุ์ข้าวและความสำคัญ
พันธุ์ข้าว หรือ Rice Varieties คือการพัฒนาข้าวในลักษณะทางพันธุกรรมเพื่อให้ได้สายพันธุ์ข้าวที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ เช่น การให้ผลผลิตสูง การทนทานต่อโรคและศัตรูพืช การเหมาะสมกับสภาพอากาศและดินในแต่ละพื้นที่ พันธุ์ข้าวเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญอันดับแรกในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนทางการผลิตมากนัก
การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิต เนื่องจากพันธุ์ข้าวที่ดีจะมีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูข้าว ทำให้ลดการใช้สารเคมีได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็นข้าวคุณภาพดี ข้าวคุณภาพปานกลาง หรือข้าวคุณภาพพิเศษ
ประเทศไทยได้เริ่มแนะนำพันธุ์ข้าวแก่เกษตรกรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงพันธุ์โดยวิธีการเลือกพันธุ์ข้าวจากข้าวพันธุ์พื้นเมืองมาผสมพันธุ์กับพันธุ์ข้าวต่างประเทศ และมีการชักนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมพันธุ์ข้าว จนกระทั่งปัจจุบันมีพันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองมากกว่า 172 พันธุ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวนา โดยเคยตรัสไว้ว่า “ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปี ประชากรอาจจะ 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
การแบ่งประเภทพันธุ์ข้าวตามนิเวศการปลูก
การแบ่งประเภทพันธุ์ข้าวตามสภาพแวดล้อมการปลูกเป็นวิธีการจำแนกที่สำคัญ เพราะแต่ละพื้นที่มีสภาพดินและน้ำที่แตกต่างกัน พันธุ์ข้าวจึงถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับนิเวศเฉพาะ ซึ่งประเทศไทยได้พัฒนาข้าวไว้ 4 ชนิดหลัก ได้แก่ ข้าวนาสวน ข้าวไร่ ข้าวน้ำลึกและข้าวขึ้นน้ำ และข้าวไล่
ข้าวนาสวน (Lowland Rice) เป็นข้าวที่ปลูกในนาที่มีน้ำขังหรือกักเก็บน้ำได้ โดยระดับน้ำลึกไม่เกิน 50 เซนติเมตร ข้าวนาสวนมีการปลูกทุกภาคของประเทศไทย แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ ข้าวนาสวนนาน้ำฝนที่อาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติและไม่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวนาน้ำฝนประมาณ 70% ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด และข้าวนาสวนนาชลประทานที่สามารถควบคุมระดับน้ำได้ตลอดทั้งปี มีพื้นที่ปลูกประมาณ 24% ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง
ข้าวไร่ เป็นข้าวที่มีการปลูกแบบพืชไร่ ไม่มีน้ำขัง ไม่มีคันนาเก็บกักน้ำในพื้นที่ปลูกตลอดระยะการเจริญเติบโต มักอาศัยเพียงน้ำฝนและเป็นที่ดอน ต้นข้าวสูงเฉลี่ยประมาณ 130-150 เซนติเมตร และเป็นพันธุ์ไวต่อช่วงแสง มักปลูกตามไหล่เขาหรือพื้นที่ว่างในสวนยางปลูกใหม่
ข้าวน้ำลึกและข้าวขึ้นน้ำ เป็นข้าวที่ปลูกในสภาพพื้นที่ซึ่งระดับน้ำสูงตั้งแต่ 50 เซนติเมตรขึ้นไป จนถึงระดับไม่เกิน 100 เซนติเมตร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน เรียกว่าข้าวน้ำลึก ส่วนข้าวที่ปลูกในพื้นที่ที่มีระดับลึกมากกว่า 100 เซนติเมตร โดยที่ความสูงของต้นข้าวสามารถเปลี่ยนแปลงตามระดับน้ำเรียกว่าข้าวขึ้นน้ำ พันธุ์ข้าวเหล่านี้มีความสามารถพิเศษในการปรับตัวตามระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลง
ข้าวนาที่สูง เป็นข้าวที่ปลูกในนาที่มีพื้นที่สูงตั้งแต่ 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป พันธุ์ข้าวนาที่สูงต้องมีความสามารถทนทานอากาศหนาวเย็นได้ดี เหมาะสำหรับการปลูกในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย
การแบ่งประเภทพันธุ์ข้าวตามการตอบสนองต่อช่วงแสง
พันธุ์ข้าวสามารถแบ่งตามการตอบสนองต่อช่วงแสงของวันได้เป็น 2 ประเภทหลัก ซึ่งมีผลต่อการกำหนดฤดูการปลูกและระยะเวลาเก็บเกี่ยว การเข้าใจลักษณะนี้จะช่วยให้เกษตรกรวางแผนการผลิตได้ดีขึ้น
พันธุ์ข้าวไวต่อช่วงแสง (Photoperiod Sensitive Varieties) เป็นพันธุ์ข้าวที่ต้องการช่วงแสงหรือช่วงระยะเวลากลางวันสั้นเพื่อเปลี่ยนการเจริญเติบโตของลำต้นและใบมาเป็นการเจริญทางการสืบพันธุ์เพื่อสร้างช่อดอกและเมล็ด โดยข้าวจะสร้างช่อดอกเมื่อช่วงแสงสั้นกว่า 12 ชั่วโมง พันธุ์ข้าวในประเทศไทยที่เป็นพันธุ์พื้นเมืองส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ที่มีความไวต่อช่วงแสง เช่น ขาวดอกมะลิ 105 กข15 ข้าวเจ้าหอมพิษณุโลก1 และ กข45
พันธุ์ข้าวประเภทนี้จะปลูกและให้ผลผลิตได้ปีละหนึ่งครั้ง หรือปลูกได้เฉพาะในฤดูนาปี บางครั้งจึงเรียกว่าข้าวนาปี ข้าวไวต่อช่วงแสงในประเทศไทยมักจะออกดอกในเดือนที่มีความยาวของกลางวันประมาณ 11 ชั่วโมง 40 นาที หรือสั้นกว่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะตรงกับช่วงฤดูกาลที่กำหนด
พันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง (Insensitive Varieties) เป็นพันธุ์ข้าวที่ช่วงแสงไม่มีอิทธิพลต่อการสร้างช่อดอก พันธุ์ข้าวนี้จะออกดอกและเก็บเกี่ยวตามอายุของแต่ละพันธุ์ค่อนข้างแน่นอน จึงใช้ปลูกและให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี หรือปลูกได้ในฤดูนาปรัง บางครั้งจึงเรียกว่าข้าวนาปรัง แบ่งเป็นข้าวพันธุ์เบา พันธุ์กลาง และพันธุ์หนัก ซึ่งเกิดจากอุณหภูมิสะสมที่แต่ละสายพันธุ์มีความต้องการไม่เท่ากัน เช่น ข้าวปทุมธานี1 ข้าวเจ้าหอมคลองหลวง1 ข้าวเจ้าหอมสุพรรณบุรี กข33 และสุรินทร์1
การเข้าใจลักษณะการตอบสนองต่อช่วงแสงจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการปลูกข้าวได้อย่างเหมาะสม โดยพันธุ์ที่ไม่ไวต่อช่วงแสงจะให้ความยืดหยุ่นในการปลูกมากกว่า เพราะสามารถปลูกได้หลายครั้งต่อปี

สายพันธุ์ข้าวยอดนิยมในประเทศไทย
ประเทศไทยมีสายพันธุ์ข้าวที่หลากหลายและแต่ละพันธุ์มีความพิเศษเฉพาะตัว ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากการที่มีคุณภาพและรสชาติที่ดีเลิศ
ข้าวหอมมะลิ มีถิ่นกำเนิดในไทย มีลักษณะกลิ่นหอมคล้ายใบเตย เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายที่สุด โดยเฉพาะพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และ กข15 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นข้าวที่ดีและอร่อยที่สุดในโลก มีพื้นที่ปลูกครอบคลุม 23 จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าวหอมมะลิไทยได้รับการยอมรับด้านคุณภาพจนเป็นที่ต้องการของตลาดโลก
ข้าวเหนียว พื้นที่ปลูกข้าวเหนียวพันธุ์ดีส่วนใหญ่ของประเทศไทยอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าวเหนียวมีลักษณะเมล็ดที่เมื่อหุงสุกจะมีความเหนียวและนุ่ม เหมาะสำหรับการทำอาหารไทยหลายชนิด เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวหลาม และขนมต่างๆ
ข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ เป็นเมล็ดข้าวที่ผ่านการขัดสีเพียงครั้งเดียว กะเทาะเอาส่วนเปลือกซึ่งเรียกว่าแกลบออกไปเท่านั้น ส่วนจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) ยังคงอยู่ ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง พบว่ามีวิตามินบีที่ช่วยบำรุงสมอง และวิตามินบี 3 หรือไนอะซินช่วยป้องกันโรคผิวหนังและเส้นประสาท
ข้าวเหลืองปะทิว เป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองในพื้นที่อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ลักษณะเมล็ดมีสีเหลือง เลื่อมเป็นมัน น้ำหนักเมล็ดดี เมื่อหุงสุกข้าวจะขึ้นหม้อน่ารับประทาน ในด้านการปลูกจะปลูกในช่วงฤดูนาปี เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนธันวาคม สามารถปลูกในพื้นที่ดินเปรี้ยวได้และทนทานต่อโรคแมลงได้เป็นอย่างดี
ข้าวเสาไห้ หรือข้าวพันธุ์เจ๊กเชย เป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองคุณภาพดีของอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ที่มาของชื่อมาจากชื่อผู้นำสายพันธุ์ข้าวพันธุ์นี้เข้ามาในพื้นที่ คือพ่อค้าชาวไทยเชื้อสายจีนชื่อ “เจ๊กเชย” ซึ่งข้าวสายพันธุ์นี้มีชื่อเสียงมายาวนานตั้งแต่ต้นรัชสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นข้าวที่หุงขึ้นหม้อ ไม่แข็งกระด้าง ที่สำคัญไม่บูดง่าย และไม่ยุบตัวเมื่อราดแกง สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เส้นและขนมได้ดี
ข้าวมันปู เป็นพันธุ์ข้าวที่มีเยื่อหุ้มเปลือกข้าวสีมันปู (แดงปนน้ำตาล) เป็นหนึ่งในข้าวกล้องขึ้นชื่อในเรื่องของคุณประโยชน์และสารอาหาร เมื่อหุงสุกจะนุ่ม ค่อนข้างเหนียว และมีกลิ่นหอม มีลักษณะเด่นด้านการปลูกคือต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและโรคใบไหม้ได้ ส่วนใหญ่มักปลูกในฤดูนาปี
พันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองจากกรมการข้าว
กรมการข้าวมีภารกิจหลักในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวให้ได้ข้าวพันธุ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรในทุกมิติ โดยมีแผนการรับรองพันธุ์ข้าวในทุกปี อย่างน้อยปีละ 4-5 พันธุ์ ซึ่งพันธุ์ข้าวใหม่ที่จะรับรองพันธุ์นั้นมุ่งเน้นงานวิจัยให้ได้พันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูง ลดความเสียหายจากการทำลายของโรคและแมลงศัตรูข้าว สามารถทนแล้งและทนน้ำท่วมได้ในพันธุ์เดียวกัน
ปัจจุบันมีพันธุ์ข้าวที่ผ่านการรับรองพันธุ์จากกรมการข้าวแล้วทั้งสิ้นจำนวน 172 พันธุ์ ครอบคลุมทุกชนิดและประเภทข้าวที่ปลูกในนิเวศการทำนาของประเทศไทย การรับรองพันธุ์ข้าวจะผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้แทนจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมค้าข้าวไทย ผู้แทนคณะกรรมการศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานราชการ
พันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองจากกรมการข้าวจะมีชื่อเรียกขึ้นต้นว่า “กข” และตามด้วยหมายเลข โดยหมายเลขคี่จะเป็นพันธุ์ข้าวเจ้า เช่น กข15 กข93 กข95 ส่วนหมายเลขคู่จะเป็นพันธุ์ข้าวเหนียว เช่น กข6 การตั้งชื่อแบบนี้ช่วยให้เกษตรกรและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถจำแนกประเภทข้าวได้ง่าย
ในปี 2568 กรมการข้าวได้รับรองพันธุ์ข้าวใหม่จำนวน 4 พันธุ์ ที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน เช่น พันธุ์ กข117 ที่เป็นข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ไวต่อช่วงแสง ให้ผลผลิตสูงสุด 868 กิโลกรัมต่อไร่ ทนต่อสภาพแล้งได้ดี และต้านทานสูงต่อโรคไหม้ในระยะกล้า เหมาะสำหรับพื้นที่นานอกเขตชลประทานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พันธุ์ กข119 ที่เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่ม ไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยวสั้นเพียง 95 วัน ให้ผลผลิตสูงสุด 993 กิโลกรัมต่อไร่ เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่นาชลประทานในเขตภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคเหนือตอนบน
วิธีการเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม
การเลือกพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของพื้นที่ปลูก เกษตรกรควรพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน
สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขของพื้นที่ เป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง ควรพิจารณาสภาพอากาศท้องถิ่น เช่น ปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิ ความชื้น และสภาพดิน พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมสำหรับภูมิภาคหนึ่งอาจไม่เหมาะกับอีกภูมิภาคเนื่องจากสภาพแวดล้อมและพื้นที่ปลูกมีความแตกต่าง หากพื้นที่มีน้ำไม่เพียงพอควรเลือกพันธุ์ที่ทนแล้ง แต่หากเป็นพื้นที่ชลประทานที่สามารถควบคุมน้ำได้ก็สามารถเลือกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงได้
ความต้องการของตลาด เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เกษตรกรควรศึกษาว่าตลาดต้องการข้าวประเภทใด เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว หรือข้าวพื้นนุ่ม การปลูกข้าวที่ตลาดต้องการจะช่วยให้ขายได้ในราคาที่ดี นอกจากนี้ยังควรพิจารณาว่าจะปลูกเพื่อจำหน่ายหรือบริโภคเอง
ระยะเวลาการเจริญเติบโต ของพันธุ์ข้าวแต่ละชนิดก็แตกต่างกัน มีทั้งพันธุ์ที่อายุสั้น กลาง และยาว การเลือกพันธุ์ที่มีอายุเหมาะสมกับฤดูกาลและแผนการปลูกจะช่วยให้วางแผนการผลิตได้ดีขึ้น หากต้องการปลูกหลายครั้งต่อปีควรเลือกพันธุ์ที่อายุสั้นและไม่ไวต่อช่วงแสง
ความต้านทานต่อโรคและแมลง เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ช่วยลดการใช้สารเคมีและต้นทุนการผลิต ควรเลือกพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคและแมลงศัตรูข้าวที่พบบ่อยในพื้นที่ เช่น โรคไหม้ โรคขอบใบแห้ง หรือเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
แหล่งที่มาของเมล็ดพันธุ์ ควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวของกรมการข้าว หรือผู้จำหน่ายที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้มั่นใจว่าได้เมล็ดพันธุ์แท้ ตรงตามพันธุ์ มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เกษตรกรสามารถตรวจสอบราคาและสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ของกรมการข้าว
ทิ้งท้าย
พันธุ์ข้าวเป็นรากฐานสำคัญของการเกษตรไทยที่ทำให้เรามีข้าวคุณภาพดีหลากหลายชนิดบนโต๊ะอาหาร จากการที่ประเทศไทยมีภูมิประเทศและสภาพอากาศที่เหมาะสม จึงมีการพัฒนาพันธุ์ข้าวมากกว่า 172 พันธุ์ที่ผ่านการรับรองจากกรมการข้าว แต่ละพันธุ์ต่างมีจุดเด่นและความเหมาะสมกับพื้นที่การปลูกที่แตกต่างกัน
การเข้าใจถึงประเภทและลักษณะของแต่ละสายพันธุ์จะช่วยให้เกษตรกรสามารถเลือกปลูกข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของตลาด ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งตามนิเวศการปลูก การตอบสนองต่อช่วงแสง หรือคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ สำหรับผู้บริโภค การรู้จักสายพันธุ์ข้าวจะช่วยให้เลือกรับประทานข้าวที่มีคุณภาพและเหมาะกับความต้องการได้
กรมการข้าวยังคงทุ่มเทในการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรไทยมีทางเลือกที่หลากหลายและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาความมั่นคงทางอาหารของประเทศอีกด้วย





