อาหารและเครื่องดื่ม

หมูกระทะ คืออะไร? ประวัติและวิธีทำแบบง่ายๆ ที่บ้าน

  • ประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย หมูกระทะมีต้นกำเนิดจากหลายตำนาน ทั้งมองโกเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลี ก่อนจะพัฒนามาเป็นรูปแบบไทยที่เอกลักษณ์เฉพาะตัวและกลายเป็น Soft Power ของประเทศ
  • วิธีทำง่ายที่บ้าน เพียงเตรียมเนื้อหมูหมักให้นุ่ม ทำน้ำซุปรสเข้มข้น และน้ำจิ้มรสจัดจ้าน ก็สามารถสร้างประสบการณ์หมูกระทะแบบร้านได้ที่บ้าน ประหยัดและสะอาดปลอดภัย
  • เหมาะกับการสังสรรค์ หมูกระทะไม่ใช่แค่อาหาร แต่เป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดี เหมาะกับการทานเป็นกลุ่ม มีทั้งความสนุกในการปิ้งย่างเองและความอร่อยจากรสชาติที่หลากหลาย
  • สุขภาพและความปลอดภัย แม้จะอร่อย แต่ควรระวังไขมันและโซเดียมที่อาจสูง แนะนำให้สลับทานกับผักให้มาก แน่ใจว่าเนื้อสุกดี และระมัดระวังความร้อนจากกระทะ

เมื่อพูดถึงเมนูที่คนไทยชื่นชอบและนิยมทานกันในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ ปาร์ตี้วันเกิด หรือแค่อยากนั่งชิลกับเพื่อนๆ หลายคนคงนึกถึง หมูกระทะ กันทันที เมนูปิ้งย่างและต้มแบบไทยๆ ที่ผสมผสานเอาวัฒนธรรมการกินจากหลายประเทศมารวมกัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

หมูกระทะไม่ได้เป็นแค่อาหารธรรมดาทั่วไป แต่มันคือประสบการณ์การกินที่สนุกสนาน ได้ทั้งปิ้งย่างหอมๆ บนกระทะร้อน และจิ้มต้มกับน้ำซุปรสกลมกล่อม แถมยังได้นั่งคุยกัน ใช้เวลาร่วมกัน จนมีคนกล่าวว่า “หมูกระทะจะเยียวยาทุกอย่าง” บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ ประวัติหมูกระทะ ที่มาที่ไป วิธีทำและสูตรหมักหมูให้นุ่มอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำน้ำจิ้มรสเด็ดที่ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

หมูกระทะ คืออะไร

หมูกระทะ หรือที่บางคนเรียกว่า “มูกาตา” ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย คืออาหารประเภทปิ้งย่างและต้มที่ใช้กระทะพิเศษรูปแบบเฉพาะ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ส่วนตรงกลางของกระทะจะมีลักษณะนูนขึ้นมาเป็นโดม สำหรับปิ้งย่างเนื้อสัตว์ ส่วนรอบนอกจะเป็นร่องวงกลมที่ใส่น้ำซุปไว้สำหรับต้มผักและวัตถุดิบอื่นๆ

การกินหมูกระทะจะใช้ไขมันหมูหรือมันหมูทาบนกระทะร้อนๆ เพื่อไม่ให้เนื้อติด จากนั้นจึงนำเนื้อหมูที่หมักไว้มาวางย่างบนส่วนโดมตรงกลาง น้ำมันจากเนื้อที่ย่างจะไหลลงสู่น้ำซุปรอบนอก ทำให้น้ำซุปมีรสชาติหอมหวานและกลมกล่อมยิ่งขึ้น วัตถุดิบที่นิยมใช้ทำหมูกระทะมีทั้ง เนื้อหมู เนื้อวัว อาหารทะเล ผักสดหลากหลายชนิด ลูกชิ้น ไส้กรอก วุ้นเส้น และเส้นต่างๆ

เมนูนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เพราะเป็นอาหารที่เหมาะกับการรับประทานเป็นกลุ่ม ได้ทั้งความสนุกในการปิ้งย่างเอง และความอร่อยจากรสชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่หมูหมักที่เข้มข้น น้ำซุปที่หวานมัน ไปจนถึงน้ำจิ้มรสจัดจ้านที่เป็นเอกลักษณ์

หมูกระทะ คืออะไร

ประวัติและที่มาของหมูกระทะ

ตำนานจากมองโกเลีย

ประวัติความเป็นมาของหมูกระทะมีหลายตำนานที่น่าสนใจ ตำนานแรกที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคือตำนานจากมองโกเลีย เชื่อกันว่าในสมัยที่ทหารมองโกลออกศึกสงคราม เมื่อพักรบในสนามรบและเกิดความหิว แต่ไม่มีอุปกรณ์ในการทำอาหาร ทหารเหล่านั้นจึงคิดใช้ หมวกเหล็กมองโกล (Mongol Ancient Military Hat) ที่มีลักษณะโค้งมนคล้ายโดมมาเป็นกระทะย่างเนื้อสัตว์กิน หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาและออกแบบกระทะให้มีลักษณะคล้ายหมวกทหารดังกล่าว ซึ่งเป็นต้นแบบของกระทะหมูกระทะที่เราเห็นในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ตำนานนี้ยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนมารองรับ แต่เป็นเรื่องเล่าที่แพร่หลายและเป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง

บันทึกจากญี่ปุ่น

นอกจากตำนานมองโกเลียแล้ว ยังมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนกว่าจากประเทศญี่ปุ่น โดยพบว่ามีการบันทึกครั้งแรกในปี ค.ศ. 1918 ที่เกาะฮอกไกโด ในช่วงนั้นฮอกไกโดมีการเลี้ยงแกะจำนวนมากเพื่อนำหนังไปใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม ทำให้มีเนื้อแกะล้นตลาด รัฐบาลญี่ปุ่นจึงส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคเนื้อแกะมากขึ้น

ในปี ค.ศ. 1936 มีร้านอาหารที่ใช้กระทะแบบนี้เปิดขึ้นที่กรุงโตเกียวจำนวนมาก และใช้ชื่อเรียกว่า “เนื้อย่างเจงกิสข่าน” (Genghis Khan) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกับตำนานของทหารมองโกลในสมัยเจงกิสข่าน เมนูนี้จึงเริ่มเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในญี่ปุ่น

หมูกระทะในประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย คาดว่า หมูกระทะเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกประมาณปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) ในช่วงแรกมีการขายในภัตตาคารและใช้ชื่อเรียกว่า “เนื้อย่างเจงกิสข่าน” เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ส่วนในภาคอีสานมีร้านต้นตำรับที่มีชื่อเสียง คือร้าน “หมื่นทิพย์เนื้อย่างเกาหลี” ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเปิดในปี พ.ศ. 2501

ในยุคแรกๆ การเสิร์ฟหมูกระทะจะเป็นแบบชุดต่อชุด ไม่ใช่แบบบุฟเฟ่ต์เหมือนปัจจุบัน ต่อมาจึงมีการพัฒนาและผสมผสานกับรูปแบบการกินแบบบุฟเฟ่ต์ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกทานได้ตามใจชอบไม่จำกัด ซึ่งตอบโจทย์คนไทยที่ชอบการกินอย่างอิ่มท้องและคุ้มค่า

หมูกระทะในไทยได้ผสมผสานเอาวัฒนธรรมการกินจากหลายประเทศเข้าด้วยกัน ทั้งการปิ้งย่างแบบเกาหลี การต้มแบบจีน (ฮอตพอต) และรสชาติที่ปรับให้เข้ากับปากคนไทย จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปัจจุบันหมูกระทะได้รับการยกย่องให้เป็น Soft Power หนึ่งของประเทศไทย และมีการนำคอนเซ็ปต์ไปเปิดร้านในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากชาวต่างชาติเป็นอย่างดี

ส่วนประกอบและวัตถุดิบสำหรับทำหมูกระทะ

เนื้อหมูและการหมัก

ส่วนผสมหลักของหมูกระทะคือเนื้อหมู โดยส่วนที่นิยมใช้มากที่สุดคือ หมูสันนอก หรือ หมูสันคอ เพราะมีเนื้อนุ่มและมีมันแทรกอยู่บ้าง ทำให้รับประทานแล้วไม่แห้งเกินไป การหั่นเนื้อหมูควรหั่นเป็นชิ้นบางๆ พอดีคำ เพื่อให้สุกเร็วและกินง่าย

ส่วนผสมสำหรับหมักหมู:

  • หมูสันนอกหรือสันคอ 500 กรัม
  • ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • พริกไทยป่น ½ ช้อนชา
  • ผงปรุงรส ½ ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา (ช่วยให้เนื้อนุ่ม)
  • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

ผักและวัตถุดิบเสริม

นอกจากเนื้อหมูแล้ว หมูกระทะยังต้องมีผักสดหลากหลายชนิดเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและความสมดุลของรสชาติ ผักที่นิยมใช้ ได้แก่:

  • ผักบุ้ง
  • ผักกาดขาว
  • กะหล่ำปลี
  • ต้นหอม
  • ผักชี
  • ข้าวโพดอ่อน
  • เห็ดต่างๆ (เห็ดฟาง เห็ดหอม)
  • วุ้นเส้น
  • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

วัตถุดิบเสริมอื่นๆ เช่น ลูกชิ้นหมู ไส้กรอก เต้าหู้ ปูอัด กุ้ง หมึก ซึ่งสามารถเลือกใส่ได้ตามความชอบ

น้ำซุปและน้ำจิ้ม

ส่วนผสมน้ำซุป:

  • น้ำเปล่า 1-1.5 ลิตร
  • ก้อนซุปสำเร็จรูป (รสหมู/ไก่/สุกี้) 1-2 ก้อน
  • รากผักชีทุบ 2-3 ราก
  • พริกไทยดำป่น ½ ช้อนชา

ส่วนผสมน้ำจิ้ม:

  • น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีซอย
  • หอมแดงซอย
@katiizsukanya

แจกสูตร #หมักหมูกระทะ แบบง่ายๆแต่อร่อย สูตรนี้หมูนุ่ม ไม่เฟื่อน ไม่เค็มโดด จะ #หมูกระทะ #สุกี้ #ชาบู #แจ่วฮ้อน ได้หมดเลย บอกเลยอร่อยสุดๆ . 🥓วัตถุดิบ🥓 หมู 1 กิโลกรัม ซอสหอยนางรม 3 ชต. ซีอิ๊วขาว 2 ชต. ผงปรุงรส 2 ชช. ผงชูรส 2 ชช. น้ำตาลทราย 1 ชช. เบกกิ้งโซดา 1 ชช. น้ำมันพืช 1 ชต. น้ำมันงา 1 ชต. น้ำเปล่า 100ml. งาขาวคั่ว . #ห้องครัวtiktok #katiizชอบทํากับข้าว #แจกสูตรอาหาร #เมนูปีใหม่ #สูตรหมักหมู

♬ เสียงต้นฉบับ – ที่กิน ที่เที่ยว FoodTravel – ที่กิน ที่เที่ยว FoodTravel

วิธีทำหมูกระทะที่บ้านแบบง่ายๆ

ขั้นตอนที่ 1: การหมักหมู

การหมักหมูเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้เนื้อหมูมีรสชาติเข้มข้นและนุ่มลิ้น โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  1. เตรียมเนื้อหมู – หั่นหมูสันนอกหรือสันคอเป็นชิ้นบางๆ ตามขวางเส้นเนื้อ หั่นให้พอดีคำประมาณ 0.5 เซนติเมตร
  2. ผสมส่วนผสมหมัก – ใส่เนื้อหมูลงในชาม เติมซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาล น้ำมันพืช คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  3. เพิ่มไข่ไก่ – ตอกไข่ไก่ลงไป คนให้เข้ากัน ไข่จะช่วยเคลือบเนื้อและทำให้นุ่มขึ้น
  4. ใส่เบกกิ้งโซดา – โรยผงปรุงรส พริกไทยป่น และเบกกิ้งโซดา คนให้เข้ากัน เบกกิ้งโซดาจะช่วยทำลายเส้นใยของเนื้อทำให้นุ่ม
  5. เติมน้ำมันงาและงาขาว – ใส่น้ำมันงาและงาขาวคั่ว คนให้ทั่ว
  6. หมักทิ้งไว้ – ปิดฝาหรือใช้ฟิล์มห่อ นำเข้าตู้เย็นหมักอย่างน้อย 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ยิ่งหมักนานรสชาติยิ่งเข้าเนื้อ

เคล็ดลับ: หากต้องการให้เนื้อนุ่มมากขึ้นโดยไม่ใช้เบกกิ้งโซดา สามารถใช้สับปะรดสดบีบน้ำ หรือใช้น้ำโซดาเย็นจัดแทนได้ เพราะเอนไซม์จากสับปะรดและคาร์บอเนตจากโซดาช่วยทำให้เนื้อนุ่ม

ขั้นตอนที่ 2: เตรียมน้ำซุป

น้ำซุปเป็นหัวใจสำคัญของหมูกระทะ เพราะนอกจากจะใช้ต้มผักและวัตถุดิบแล้ว ยังรับน้ำมันจากเนื้อที่ปิ้งย่าง ทำให้มีรสชาติหอมหวานและกลมกล่อม:

  1. ตั้งน้ำเดือด – ใส่น้ำเปล่า 1-1.5 ลิตร ลงในหม้อ ตั้งไฟให้เดือด
  2. เติมก้อนซุป – ใส่ก้อนซุปสำเร็จรูปรสหมู ไก่ หรือสุกี้ ตามชอบ คนให้ละลายเข้ากัน
  3. เพิ่มรากผักชี – ใส่รากผักชีที่ทุบบุบๆ และพริกไทยดำป่น เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติ
  4. ชิมรส – ชิมรสว่าเค็ม หวาน เข้มข้นพอดีหรือไม่ ปรับแต่งตามความชอบ
  5. ต้มต่อ – ต้มต่ออีก 5-10 นาที แล้วน้ำซุปก็พร้อมใช้

หมายเหตุ: บางสูตรจะเพิ่มแครอท ฟักทอง หรือหัวไชเท้าลงในน้ำซุปเพื่อเพิ่มความหวานธรรมชาติ

ขั้นตอนที่ 3: ทำน้ำจิ้ม

น้ำจิ้มหมูกระทะมีหลายสูตร แต่สูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด:

  1. ผสมส่วนผสมเหลว – ใส่น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทรายลงในชาม คนให้น้ำตาลละลาย
  2. เติมกระเทียมและพริก – ใส่กระเทียมสับและพริกป่นลงไป คนให้เข้ากัน
  3. โรยข้าวคั่ว – ใส่ข้าวคั่วลงไป ข้าวคั่วจะช่วยดูดซับน้ำและเพิ่มความหอมให้น้ำจิ้ม
  4. โรยหอมแดงและผักชี – โรยหอมแดงซอยและผักชีซอยตกแต่งด้านบน
  5. ผสมให้เข้ากัน – คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ

เคล็ดลับ: ควรใส่ข้าวคั่วก่อนเสิร์ฟไม่นาน เพราะถ้าทิ้งไว้นานข้าวคั่วจะอืดและจับตัวเป็นก้อน หากต้องการเก็บไว้ในตู้เย็นควรแยกข้าวคั่วออกมาก่อน

ขั้นตอนที่ 4: การปิ้งย่างและต้ม

เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาปิ้งย่างและเพลิดเพลินกับหมูกระทะ:

  1. ตั้งเตา – ตั้งเตาหมูกระทะ ใช้เตาถ่าน เตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้าก็ได้ รอให้กระทะร้อน
  2. ทาไขมัน – ใช้ไขมันหมูหรือมันหมูทาบนส่วนโดมตรงกลางของกระทะ เพื่อไม่ให้เนื้อติด
  3. เทน้ำซุป – เทน้ำซุปลงในร่องรอบนอก ใส่ให้พอประมาณอย่าให้เอ่อล้น
  4. วางเนื้อย่าง – วางเนื้อหมูที่หมักไว้ลงบนส่วนโดมตรงกลาง ปิ้งจนสุกทั้งสองด้าน
  5. ต้มผักและวัตถุดิบ – ใส่ผักและวัตถุดิบอื่นๆ ลงในน้ำซุปรอบนอก ต้มจนสุกแล้วตักขึ้นมาทาน
  6. จิ้มน้ำจิ้ม – จิ้มเนื้อย่างและผักต้มกับน้ำจิ้มรสเด็ด เพลิดเพลินไปกับทุกคำ

คำแนะนำ: อย่าใส่เนื้อมากเกินไปในครั้งเดียว เพราะจะทำให้ไม่สุกทั่วกัน และอย่าลืมเติมน้ำซุปเมื่อระดับน้ำลดลง

เคล็ดลับการทำหมูกระทะให้อร่อย

เลือกเนื้อหมูคุณภาพดี

การเลือกเนื้อหมูที่มีคุณภาพดีเป็นจุดเริ่มต้นของหมูกระทะที่อร่อย ควรเลือกเนื้อที่สดใหม่ มีสีชมพูสด ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือคาว ส่วนที่ดีที่สุดคือสันนอกหรือสันคอที่มีมันแทรกเล็กน้อย จะทำให้เนื้อไม่แห้งเกินไปเมื่อย่าง

หมักให้เข้าเนื้อ

การหมักอย่างน้อย 30 นาถึง 1 ชั่วโมงจะทำให้รสชาติซึมเข้าเนื้อได้ดี หากหมักทิ้งไว้ค้างคืนจะยิ่งอร่อยมากขึ้น แต่ถ้าใช้สับปะรดหรือเบกกิ้งโซดาไม่ควรหมักเกิน 2 ชั่วโมง เพราะจะทำให้เนื้อเละได้

ควบคุมความร้อน

ไฟที่เหมาะสมสำหรับปิ้งหมูกระทะคือไฟกลางถึงแรง ถ้าไฟอ่อนเกินไปเนื้อจะไม่สุกทั่วและไม่หอม แต่ถ้าไฟแรงเกินไปเนื้อจะไหม้ก่อนที่จะสุกข้างใน

เติมน้ำซุปบ่อยๆ

เนื่องจากน้ำซุปจะระเหยเร็วเพราะความร้อนของกระทะ ควรเติมน้ำซุปบ่อยๆ เพื่อไม่ให้แห้งและกระทะเสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยให้น้ำซุปมีรสชาติสม่ำเสมอ

ทำน้ำจิ้มหลายรส

การเตรียมน้ำจิ้มหลายแบบจะช่วยเพิ่มความหลากหลายและไม่น่าเบื่อ ลองทำทั้งน้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มซีฟู้ด และน้ำจิ้มสุกี้ไว้ให้เลือกจิ้มตามชอบ

ประโยชน์และข้อควรระวัง

ประโยชน์ของการทานหมูกระทะ

หมูกระทะเป็นอาหารที่ให้ทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์และวิตามินจากผัก การทานผักสดและต้มจะช่วยรักษาสารอาหารไว้ได้มากกว่าการทอดหรือผัด นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง

ข้อควรระวัง

  • ระวังไขมัน – เนื้อหมูโดยเฉพาะหมูสามชั้นมีไขมันสูง ควรสลับกับเนื้อไขมันต่ำหรือผักให้มากขึ้น
  • ระวังเกลือ – น้ำจิ้มและน้ำซุปมักมีโซเดียมสูง ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรระมัดระวัง
  • ระวังความสุก – ต้องแน่ใจว่าเนื้อสุกดีก่อนรับประทาน เพื่อป้องกันโรคจากเชื้อแบคทีเรีย
  • ระวังความร้อน – กระทะและอาหารมีความร้อนสูง ควรระมัดระวังไม่ให้เด็กเล็กเข้าใกล้

หมูกระทะกับวัฒนธรรมไทย

หมูกระทะไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหาร แต่มันคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนไทย เป็นเมนูที่สร้างบรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงวันเกิด งานสังสรรค์ปีใหม่ หรือแค่การนั่งคุยกันในวันธรรมดา

ความนิยมของหมูกระทะยังขยายไปสู่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และล่าสุดยังมีการนำไปเปิดร้านในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และความโดดเด่นของเมนูนี้ที่สามารถเป็นตัวแทน Soft Power ของไทยได้อย่างแท้จริง

การที่แต่ละจังหวัดมี “ซิกเนเจอร์” หรือสูตรเฉพาะของตัวเองก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ เช่น น้ำจิ้มแบบอีสานที่มีรสจัดจ้าน น้ำจิ้มแบบภาคใต้ที่เผ็ดร้อน หรือน้ำจิ้มแบบกรุงเทพที่หวานมันกลมกล่อม ทำให้หมูกระทะไม่มีวันน่าเบื่อ

ทิ้งท้าย

หมูกระทะ คือเมนูอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมการกินจากหลายประเทศ โดยมีต้นกำเนิดจากตำนานมองโกเลีย มีบันทึกทางประวัติศาสตร์จากญี่ปุ่น และได้รับการพัฒนาต่อยอดในประเทศไทยจนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เข้ามาในไทยประมาณปี พ.ศ. 2500 และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

การทำหมูกระทะที่บ้านไม่ยากอย่างที่คิด เพียงเตรียม เนื้อหมูหมัก น้ำซุป น้ำจิ้ม และผักสด ก็สามารถสร้างประสบการณ์การกินที่สนุกสนานและอร่อยได้แล้ว สิ่งสำคัญคือการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ หมักเนื้อให้เข้าเนื้อ และควบคุมความร้อนให้เหมาะสม

หมูกระทะไม่ได้เป็นแค่อาหาร แต่เป็นกิจกรรมที่สร้างความสุข ความอบอุ่น และความผูกพันระหว่างคนที่นั่งล้อมวงกันทาน ดังที่หลายคนเชื่อว่า “หมูกระทะจะเยียวยาทุกอย่าง” ลองทำตามสูตรและวิธีการที่แนะนำ รับรองว่าจะได้หมูกระทะรสชาติเหมือนร้าน หรืออาจจะอร่อยกว่าก็ได้

ถ้าชอบเมนูอาหารไทยและอาหารเอเชีย ลองอ่านบทความอื่นๆ ของเราเพิ่มเติม เช่น อาหารว่างไทย เมนูต้มยอดนิยม บิบิมบับเกาหลี หรือ เมนูอาหารเย็น ที่ทำง่ายและอร่อย มาสร้างสรรค์เมนูอาหารที่อร่อยกันต่อ

กดเพื่ออ่านต่อ

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button