อาหารและเครื่องดื่ม

ข้าวก่ำ คือ? ประโยชน์เต็มเม็ดของข้าวพื้นบ้านที่คนไทยควรรู้

  • ข้าวก่ำคือข้าวเหนียวดำพื้นบ้านไทย ที่มีสีม่วงเข้มธรรมชาติ อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานินและแกมมาโอไรซานอลที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวทั่วไปหลายเท่า เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
  • ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังและต้านอนุมูลอิสระ มีสาร OPC ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินซีและอี ช่วยลดคอเลสเตอรอล ยับยั้งมะเร็ง บำรุงหัวใจและสมอง ชะลอความเสื่อมของเซลล์ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย
  • รับประทานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งหุง นึ่ง หรือทำเป็นของหวาน เช่น ข้าวเหนียวดำเปียก ข้าวหลาม หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ควรเริ่มรับประทานในปริมาณพอเหมาะและเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อการย่อยที่ดี
  • พันธุ์ยอดนิยมคือข้าวก่ำดอยสะเก็ด มีสารอาหารสูง ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร ปลูกในภาคเหนือและภาคอีสาน เป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้เกษตรกร

หลายคนอาจเคยเห็นข้าวก่ำหรือข้าวเหนียวดำที่มีสีม่วงเข้มเกือบดำ บางครั้งก็อาจสงสัยว่าข้าวชนิดนี้แตกต่างจากข้าวเหนียวขาวอย่างไร มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงหรือไม่ และทำไมในสมัยก่อนชาวบ้านจึงนิยมนำมาใช้เป็นยารักษาโรค บทความนี้จะพาไปเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับข้าวก่ำ ตั้งแต่ความหมาย คุณค่าทางโภชนาการ ไปจนถึงประโยชน์ที่น่าประทับใจของข้าวพื้นบ้านชนิดนี้

ข้าวก่ำไม่ได้เป็นเพียงข้าวธรรมดาที่มีสีต่างจากข้าวทั่วไป แต่เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารสีม่วงที่ให้มากกว่าความสวยงามของเมล็ดข้าว แต่ยังมาพร้อมกับสรรพคุณทางการแพทย์ที่ค่อยๆ ถูกพิสูจน์ผ่านงานวิจัยสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการต้านอนุมูลอิสระ การป้องกันโรคเรื้อรัง หรือการบำรุงสุขภาพโดยรวมของร่างกาย

ข้าวก่ำ คืออะไร?

ข้าวก่ำ คืออะไร?

ข้าวก่ำ หรือ ข้าวเหนียวดำ (Black Sticky Rice) เป็นข้าวสายพันธุ์เหนียวที่มีเมล็ดสีม่วงเข้มหรือดำโดยธรรมชาติ คำว่า “ก่ำ” มาจากภาษาท้องถิ่นภาคเหนือและภาคอีสานที่ใช้เรียกสี “แดงเข้ม” หรือ “แดงก่ำ” ซึ่งสะท้อนลักษณะของเมล็ดข้าวที่มีสีม่วงแดงอมดำเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ข้าวชนิดนี้เป็นข้าวพื้นเมืองของเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทยนิยมปลูกในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ข้าวก่ำมีลักษณะโดดเด่นที่ลำต้นและเปลือกเมล็ดมีสีม่วงเข้ม เนื้อเมล็ดค่อนข้างแข็งกว่าข้าวเหนียวขาว และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์

ในอดีต ข้าวก่ำไม่ได้เป็นข้าวหลักที่นิยมรับประทานเป็นประจำเหมือนข้าวขาวหรือข้าวเหนียวขาว แต่มักจะปลูกแซมในไร่นาและนำมาใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น การทำขนมหวาน การเซ่นไหว้ หรือการใช้เป็นยารักษาโรคตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ปัจจุบัน ข้าวก่ำกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงคุณค่าทางสุขภาพและประโยชน์ที่มากมายของข้าวชนิดนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพที่มองหาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

พันธุ์ข้าวก่ำที่นิยมในประเทศไทย

ในประเทศไทยมีการรวบรวมและอนุรักษ์พันธุกรรมข้าวก่ำพื้นเมืองมากกว่า 42 พันธุกรรม โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้จัดตั้งหน่วยวิจัยข้าวก่ำ (Purple Rice Research Unit) เพื่อศึกษาและพัฒนาพันธุ์ข้าวก่ำให้มีคุณภาพและเหมาะสมกับการปลูกในแต่ละพื้นที่ พันธุ์ข้าวก่ำที่ได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรและนิยมส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมีดังนี้

  • ข้าวก่ำดอยสะเก็ด เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีลำต้นสีม่วงเข้มถึงดำ เปลือกและเมล็ดข้าวกล้องสีม่วง เมล็ดมีขนาดกว้างประมาณ 3.3 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 9.7 มิลลิเมตร พันธุ์นี้มีสารแกมมาโอไรซานอลสูงกว่าข้าวขาว 2-3 เท่า และมีปริมาณสารแอนโทไซยานินสูง
  • ข้าวก่ำอมก๋อย มีลำต้นสีม่วงปนเขียว เมล็ดข้าวกล้องและเยื่อหุ้มเมล็ดสีม่วง เมล็ดมีขนาดเล็กกว่าข้าวก่ำดอยสะเก็ดเล็กน้อย พันธุ์นี้ได้รับการรับรองพันธุ์จากกรมวิชาการเกษตรเช่นเดียวกับข้าวก่ำดอยสะเก็ด มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเหมาะสำหรับการทำขนมหวานหรือรับประทานเป็นข้าวเหนียว
  • ข้าวก่ำพะเยา มีลำต้นสีม่วง เมล็ดข้าวกล้องสีม่วงเข้ม เป็นพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดพะเยาที่ได้รับการอนุรักษ์และปลูกสืบต่อมา มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์และเนื้อสัมผัสที่แข็งเหนียว เหมาะสำหรับการนึ่งรับประทานหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ

นอกจากพันธุ์หลักที่กล่าวมาแล้ว ยังมีข้าวก่ำพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ ที่กระจายอยู่ทั่วภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น ข้าวเหนียวดำลืมผัว ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าอร่อยจนภรรยาลืมแบ่งให้สามี พันธุ์นี้มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวเหนียวทั่วไปและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

คุณค่าทางโภชนาการของข้าวก่ำ

ข้าวก่ำเป็นข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวทั่วไปหลายเท่า โดยเฉพาะในส่วนของสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตามข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย และงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่าข้าวก่ำ 100 กรัม ให้พลังงานและมีสารอาหารหลักดังนี้

ข้าวก่ำมีคาร์โบไฮเดรตสูงซึ่งให้พลังงานแก่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับใช้รับประทานแทนข้าวสวยหรือข้าวกล้องในมื้ออาหาร นอกจากนี้ยังมีโปรตีนที่ช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด สังกะสีที่สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน แคลเซียมที่ดีต่อกระดูกและฟัน และฟอสฟอรัสที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์

สำหรับวิตามิน ข้าวก่ำมีวิตามิน B1 และ B2 ที่ช่วยในการเผาผลาญอาหารและผลิตพลังงาน มีวิตามินอีระดับสูงที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและป้องกันการเสื่อมของเซลล์ รวมถึงโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสมองและหัวใจ ข้าวก่ำยังเป็นแหล่งของเส้นใยอาหารที่ดี ช่วยในระบบขับถ่ายและลดความเสี่ยงของโรคลำไส้

ที่สำคัญที่สุดคือสารพิเศษที่ทำให้ข้าวก่ำโดดเด่นกว่าข้าวชนิดอื่น ได้แก่ สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารสีม่วงที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะชนิด Cyanidin-3-glucoside ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง สารแกมมาโอไรซานอล (Gamma oryzanol) ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลและมีค่า ORAC สูงกว่าพืชตระกูลเบอร์รี่ และสาร OPC (Oligomeric Proanthocyanidins) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดเดียวกับที่พบในเมล็ดองุ่นและเปลือกสน มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตามินซีและวิตามินอีหลายเท่า

ประโยชน์ต่อสุขภาพของข้าวก่ำ

ประโยชน์ต่อสุขภาพของข้าวก่ำ

ข้าวก่ำมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ข้าวชนิดนี้กลายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ประโยชน์หลักของข้าวก่ำมีดังนี้

ต้านอนุมูลอิสระและชะลอความแก่ สารแอนโทไซยานินและแกมมาโอไรซานอลในข้าวก่ำมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ การรับประทานข้าวก่ำเป็นประจำจึงช่วยให้ผิวพรรณสดใสและร่างกายแข็งแรงยาวนาน

ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยพบว่าข้าวก่ำมีคุณสมบัติในการลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด พร้อมกับเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) สาร OPC ช่วยยับยั้งการเกาะตัวของคอเลสเตอรอลที่หลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดตีบ โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

ป้องกันและยับยั้งมะเร็ง สารแอนโทไซยานินชนิด Cyanidin-3-Glucoside ในข้าวก่ำแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังมีสารต่างๆ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์ผิดปกติได้ดีขึ้น

บำรุงเลือดและเพิ่มภูมิคุ้มกัน ข้าวก่ำมีธาตุเหล็กสูงที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง สตรีมีประจำเดือน หรือผู้ที่เหน็ดเหนื่อยง่าย การรับประทานข้าวก่ำช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ทำให้ร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเสริมสร้างภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ

ควบคุมน้ำหนักและป้องกันโรคเบาหวาน ข้าวก่ำบางพันธุ์มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวทั่วไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ป่วยเบาหวาน เส้นใยอาหารในข้าวก่ำยังช่วยให้อิ่มนานและส่งเสริมการทำงานของระบบขับถ่าย นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารและเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2

ช่วยเรื่องความจำและระบบประสาท สารต้านอนุมูลอิสระและโอเมก้า 3 ในข้าวก่ำมีส่วนช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท ลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ และความจำเสื่อม เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ทำงานใช้สมองมาก การรับประทานข้าวก่ำเป็นประจำยังช่วยลดความเครียดและส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ

วิธีการรับประทานและเมนูข้าวก่ำ

ข้าวก่ำมีความยืดหยุ่นในการนำมาปรุงอาหารได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือของหวาน การเตรียมข้าวก่ำให้อร่อยและได้รับประโยชน์เต็มที่นั้นมีวิธีที่ง่ายดายและไม่ยุ่งยาก

สำหรับการหุงข้าวก่ำ แม้ข้าวก่ำจะเป็นสายพันธุ์เหนียว แต่ก็สามารถหุงด้วยหม้อหุงข้าวได้เหมือนข้าวกล้อง โดยสามารถหุงข้าวก่ำเพียงอย่างเดียวหรือผสมกับข้าวหอมมะลิก็ได้ สัดส่วนที่นิยมคือ ข้าวสารหอมมะลิ 1-2 ถ้วยต่อข้าวก่ำ 1 กำมือ หากต้องการให้ข้าวนุ่มและสุกเร็วขึ้นควรแช่ข้าวก่ำในน้ำประมาณ 2-4 ชั่วโมงก่อนหุง การหุงข้าวก่ำจะได้ข้าวที่มีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับรับประทานคู่กับอาหารคาว

การนึ่งข้าวก่ำเป็นวิธีดั้งเดิมที่นิยมในภาคเหนือและภาคอีสาน โดยนำข้าวก่ำไปล้างน้ำให้สะอาดประมาณ 5-6 น้ำ แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อถึงเวลานึ่งให้กรองข้าวออกจากน้ำและใส่ลงในกระด้งนึ่งข้าว นึ่งบนไฟปานกลางประมาณ 20-30 นาที หรือจนกว่าข้าวจะสุกเหนียวนุ่ม ข้าวก่ำที่นึ่งสุกจะมีสีม่วงเข้ม เนื้อสัมผัสเหนียวหนึบและเคี้ยวกรุบสู้ฟัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์พิเศษของข้าวก่ำ

สำหรับเมนูของหวาน ข้าวก่ำเป็นวัตถุดิบยอดนิยมในการทำขนมไทยหลายชนิด เช่น ข้าวเหนียวดำเปียก ที่นึ่งข้าวก่ำสุกแล้วโรยหน้าด้วยกะทิและน้ำตาลปี๊บ เสิร์ฟคู่กับมะพร้าวอ่อนขูดฝอย เป็นของหวานที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ข้าวหลาม ที่นำข้าวก่ำผสมกับถั่วดำและกะทิใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วนำไปย่างไฟจนสุก มีกลิ่นหอมของไม้ไผ่และรสชาติเข้มข้นของข้าวก่ำ ข้าวเหนียวดำหน้ากระฉีก ที่โรยหน้าด้วยทุเรียนและกะทิ เป็นของหวานที่ได้รับความนิยมในช่วงฤดูทุเรียน

ข้าวก่ำยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยนำข้าวก่ำไปบดหรือปั่นผสมกับนมหรือนมพืช เติมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลน้อยๆ จะได้เครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารและสดชื่น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับประโยชน์จากข้าวก่ำแต่ไม่อยากรับประทานเป็นข้าว นอกจากนี้ยังสามารถนำข้าวก่ำไปทำเป็นแป้งเพื่อใช้ในการทำขนมอบ พายหรือเค้กได้อีกด้วย

ข้อควรระวังและคำแนะนำในการบริโภค

แม้ข้าวก่ำจะมีประโยชน์มากมาย แต่การรับประทานก็ควรมีความพอเหมาะและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละคน สำหรับผู้ที่เริ่มรับประทานข้าวก่ำครั้งแรกควรเริ่มจากปริมาณน้อยๆ ก่อน เช่น ผสมข้าวก่ำกับข้าวขาวในสัดส่วน 1:3 หรือ 1:2 แล้วค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนข้าวก่ำขึ้นเมื่อร่างกายคุ้นเคยแล้ว

เนื่องจากข้าวก่ำเป็นข้าวเหนียวที่มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็งและเหนียวมากกว่าข้าวทั่วไป ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหารหรือย่อยอาหารได้ช้าควรรับประทานในปริมาณที่พอดี ไม่ควรรับประทานมากเกินไปในมื้อเดียว และควรเคี้ยวให้ละเอียดเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร สำหรับผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กอาจต้องระวังในการรับประทานข้าวก่ำที่นึ่งแบบแข็งเหนียวมาก อาจปรับเป็นการหุงให้นุ่มกว่าหรือทำเป็นของหวานที่นุ่มกว่าแทน

ผู้ป่วยเบาหวานควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนเปลี่ยนมารับประทานข้าวก่ำเป็นประจำ แม้ข้าวก่ำบางพันธุ์จะมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวทั่วไป แต่ก็ยังคงเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ต้องควบคุมปริมาณการบริโภค การรับประทานข้าวก่ำควรอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมและสมดุลกับอาหารหมู่อื่นๆ

สำหรับการเก็บรักษาข้าวก่ำ ควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิดในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงความชื้นและแสงแดดโดยตรงเพื่อป้องกันการเกิดราหรือแมลง ข้าวก่ำที่เก็บรักษาอย่างเหมาะสมสามารถเก็บได้นานหลายเดือนโดยยังคงคุณภาพและกลิ่นหอม

ทิ้งท้าย

ข้าวก่ำหรือข้าวเหนียวดำไม่ได้เป็นเพียงข้าวพื้นบ้านที่มีสีสันสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยสารอาหารและประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าทึ่ง ด้วยสารแอนโทไซยานิน แกมมาโอไรซานอล และสาร OPC ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง ข้าวก่ำจึงช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง ชะลอความแก่ บำรุงเลือด และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง การรับประทานข้าวก่ำเป็นประจำจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

ในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ข้าวก่ำจึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ไม่เพียงแต่ในหมู่คนไทยเท่านั้น แต่ยังขยายไปสู่ตลาดสากลด้วย การสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกข้าวก่ำและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวก่ำจึงเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีและเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นไปพร้อมกัน หากสนใจลองรับประทานข้าวก่ำเพื่อสุขภาพ เริ่มต้นได้ง่ายๆ โดยผสมข้าวก่ำลงในมื้ออาหารประจำวัน หรือลองทำขนมหวานสูตรง่ายๆ ที่มีข้าวก่ำเป็นส่วนผสม จะได้สัมผัสทั้งรสชาติอร่อยและประโยชน์ที่เต็มเม็ดของข้าวพื้นบ้านที่น่าภาคภูมิใจของไทย

กดเพื่ออ่านต่อ

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button