อาหารและเครื่องดื่ม

พะแนง คืออะไร? ประวัติและวิธีทำแกงไทยอันดับ 1 ของโลก

  • พะแนงเป็นแกงไทยประเภทแกงข้น มีรสชาติเค็มนำหวาน ไม่เผ็ดจัด ประกอบด้วยเครื่องเทศและสมุนไพรหลากหลายชนิดที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแกงอร่อยที่สุดในโลกปี 2023
  • ประวัติของพะแนงมีความยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เดิมเป็นไก่ย่างที่ทาพริกแกงและกะทิ ต่อมาพัฒนามาเป็นแกงผัดแบบที่รู้จักกันในปัจจุบัน โดยได้รับอิทธิพลจากอาหารมุสลิมหลายกลุ่ม
  • วิธีทำพะแนงที่บ้านไม่ยาก เริ่มจากคั่วเครื่องแกงกับกะทิให้หอม ใส่เนื้อสัตว์ผัดจนสุก เติมกะทิและเคี่ยวจนข้น ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาล เติมถั่วลิสงป่นและสมุนไพรสด
  • เคล็ดลับสำคัญคือการคั่วเครื่องแกงให้หอมจริง ๆ เลือกใช้กะทิคุณภาพดี เลือกเนื้อสัตว์ที่เหมาะสม ปรุงรสให้สมดุล และเติมถั่วลิสงป่นเพื่อเพิ่มความเข้มข้นตามตำรับโบราณ

เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมพะแนงถึงได้รับความนิยมจนกลายเป็นหนึ่งในแกงไทยที่โด่งดังระดับโลก? เมื่อปี 2023 แกงชนิดนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแกงอร่อยที่สุดในโลกจากเว็บไซต์ TasteAtlas แซงหน้าแม้แต่แกงกะหรี่ญี่ปุ่นและหม้อไฟเสฉวน ความโดดเด่นของพะแนงอยู่ที่รสชาติเค็มนำหวาน น้ำแกงข้นเข้มข้น กลิ่นหอมจากเครื่องเทศที่ผสมผสานอย่างลงตัว และที่สำคัญคือรสชาติที่ไม่เผ็ดจัดจนเกินไป ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

พะแนงไม่ใช่แค่เมนูอาหารธรรมดา แต่เป็นแกงที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน สะท้อนถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมอาหารจากหลายชาติพันธุ์ ตั้งแต่อิทธิพลมุสลิมจากเปอร์เซีย อินเดีย ไปจนถึงมลายู จนกลายมาเป็นแกงไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บทความนี้จะพาไปสำรวจทุกแง่มุมของพะแนง ตั้งแต่ความหมายของชื่อ ประวัติความเป็นมา ไปจนถึงวิธีการทำแบบง่าย ๆ ที่บ้าน

หากพร้อมแล้วที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับแกงไทยตำรับชาววังที่ครองใจชาวโลก มาเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ไปด้วยกัน พร้อมค้นพบว่าทำไมพะแนงถึงเป็นมากกว่าแค่แกงธรรมดาสำหรับคนไทย!

พะแนง คืออะไร?

พะแนง เป็นอาหารไทยประเภทแกงข้นที่มีลักษณะเฉพาะคือน้ำแกงมีความเข้มข้น ไม่ใช่แกงน้ำใสเหมือนแกงประเภทอื่น รสชาติเด่นคือความเค็มนำหวาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้พะแนงแตกต่างจากแกงเขียวหวานหรือแกงเผ็ดทั่วไป เครื่องแกงพะแนงประกอบด้วยเครื่องเทศและสมุนไพรหลากหลายชนิด

ส่วนผสมหลักของเครื่องแกงพะแนงได้แก่ พริก ข่า ตะไคร้ รากผักชี เมล็ดผักชี เมล็ดยี่หร่า กระเทียม อบเชย และเกลือ เครื่องแกงเหล่านี้จะถูกโขลกหรือปั่นให้ละเอียด แล้วนำไปคั่วกับกะทิจนหอม ส่วนผสมที่โดดเด่นอีกอย่างคือการใช้ถั่วลิสงบด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอาหารมุสลิมที่ถูกนำมาใช้ในสูตรพะแนงตั้งแต่สมัยโบราณ ถั่วลิสงช่วยเพิ่มความเข้มข้นและความมันให้กับน้ำแกง

ในปัจจุบัน พะแนงสามารถปรุงได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นพะแนงไก่ พะแนงหมู พะแนงเนื้อ หรือแม้แต่พะแนงเป็ด แต่ละแบบมีเสน่ห์และรสชาติที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปจะใช้เนื้อสัตว์หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผัดกับเครื่องแกงและกะทิจนเนื้อสุกและน้ำแกงข้นขลุกขลิก เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ จะช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับมื้ออาหาร

ความพิเศษของพะแนงอยู่ที่การผสมผสานระหว่างเครื่องเทศแบบมุสลิมกับสมุนไพรไทย ทำให้ได้รสชาติที่ซับซ้อนแต่กลมกล่อม ไม่เผ็ดจัดเหมือนแกงเผ็ด แต่มีความหอมหวานจากกะทิและเครื่องเทศที่เข้ากันอย่างลงตัว นี่คือเหตุผลที่พะแนงกลายเป็นหนึ่งในแกงไทยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

พะแนง

ประวัติและที่มาของพะแนง

ประวัติของพะแนงมีความน่าสนใจและเต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรม หลักฐานเก่าแก่ที่สุดของพะแนงปรากฏในจดหมายเหตุสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อปี พ.ศ. 2391 โดยในสมัยนั้นมีการบันทึกชื่อแกงไว้ว่า “พระนัน” ซึ่งเป็นแกงน้ำที่มีเครื่องปรุงประกอบด้วย พริก พริกไทย ขิง ลูกผักชี กะทิ ลูกกระวาน ลูกยี่หร่า กระเทียม น้ำส้มมะขาม น้ำตาล น้ำปลา และถั่วลิสง น้ำแกงมีรสชาติหวานเล็กน้อยและไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 พะแนงได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือตำรากับเข้าของหม่อมซ่มจีน ราชานุประพันธ์ ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2433 โดยในเวลานั้นสะกดว่า “ผะแนง” และมีอาหารชื่อ “ไก่ผะแนง” คือการนำไก่ทาพริกขิง (เครื่องพริกแกง) ผสมน้ำกะทิ แล้วนำไปย่างไฟ วิธีการนี้ต้องใช้เวลานานและไม่สะดวก จึงได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีทำใหม่

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนจากไก่ย่างมาเป็นการสับเนื้อสัตว์เป็นชิ้นใหญ่ นำลงผัดกับเครื่องแกงและกะทิในกระทะหรือหม้อ วิธีนี้สะดวกและรวดเร็วกว่า กลายเป็นไก่พะแนงหรือเป็ดพะแนงอย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน ภายหลังจึงมีการพัฒนาต่อไปเป็นพะแนงเนื้อและพะแนงหมู ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาววัง

พะแนงมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลบุนนาคอย่างใกล้ชิด ตระกูลบุนนาคเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากพ่อค้าชาวเปอร์เซียชื่อเฉกอะหฺมัด ที่เข้ามารับราชการในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตระกูลนี้ขึ้นชื่อเรื่องการปรุงอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากมุสลิม ลูกหลานในตระกูลที่เข้าไปรับใช้ในวังจนได้ขึ้นเป็นเจ้าจอมจึงมีฝีมือในการทำอาหารที่โดดเด่น และพะแนงก็เป็นหนึ่งในเมนูที่ได้รับการพัฒนาและถ่ายทอดมาจากตระกูลนี้

ความเป็นมาของพะแนงสะท้อนถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรมอาหารที่เกิดขึ้นในสยามสมัยก่อน การนำเอาเครื่องเทศจากเปอร์เซียและอินเดีย มาผสมผสานกับสมุนไพรไทย จนเกิดเป็นแกงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พะแนงจึงไม่ใช่แค่อาหาร แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของไทย

ความหมายและที่มาของชื่อ “พะแนง”

ที่มาของคำว่า “พะแนง” มีการตีความที่หลากหลายและน่าสนใจ แม้จะไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าที่มาที่ไปของชื่อนี้คืออะไรแน่ แต่มีสมมติฐานหลายประการที่น่าเชื่อถือ ความหมายของคำว่าพะแนงในภาษาไทยหมายถึง “ไขว้ขา พับขา พับเท้า ขัดไขว้กัน” ซึ่งคล้ายกับท่านั่งขัดสมาธิ

สมมติฐานแรกเชื่อว่า คำว่า “พะแนง” เป็นภาษาเขมร หมายถึงกริยาจับขาไก่ขัดกัน เพื่อให้สะดวกกับการย่างไฟ เนื่องจากในสมัยโบราณพะแนงเดิมทีทำจากไก่ทั้งตัวที่นำมาจับขาให้ขัดกัน แล้วนำไปย่างบนเตา การทำแบบนี้ทำให้ไก่สุกได้สม่ำเสมอและง่ายต่อการหมุนย่าง คำว่า “พระพะแนงเชิง” ในภาษาไทยโบราณก็มีความหมายถึงการนั่งขัดสมาธิซ้อนกัน ซึ่งอาจเป็นที่มาของชื่อนี้

สมมติฐานที่สองชี้ไปที่อิทธิพลจากภาษามลายู ในภาษามลายูมีคำว่า “panggang” ซึ่งแปลว่า “ย่าง” อาหารมลายูที่เรียก panggang มีหน้าตาคล้ายกับพะแนงไก่ของไทย โดยใช้วิธีย่างไก่แล้วราดด้วยน้ำแกงข้นคล้าย นิยมทานกับข้าวหุงขมิ้น ซึ่งเป็นเมนูที่พบได้ในอาหารสไตล์เปรานากันของชาวเนียงยา (ชาวจีนเชื้อสายมลายู) ความคล้ายคลึงในวิธีการปรุงและส่วนผสมทำให้เป็นไปได้ว่าพะแนงได้รับอิทธิพลจากอาหารมลายู

นอกจากนี้ยังมีคำไวพจน์ที่มีความหมายเดียวกันกับพะแนง เช่น “พระนัน” “พนัญ” “พนัง” “แพนง” และ “พแนง” ซึ่งล้วนเป็นคำที่ใช้เรียกแกงชนิดนี้ในสมัยต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงของการสะกดและการออกเสียงสะท้อนถึงวิวัฒนาการของภาษาและการรับอิทธิพลจากภาษาต่าง ๆ ที่มีผลต่อวัฒนธรรมอาหารไทย

ไม่ว่าที่มาของชื่อพะแนงจะเป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือแกงชนิดนี้ได้รับอิทธิพลจากหลายวัฒนธรรม ทั้งเขมร มลายู และมุสลิม ก่อนที่จะถูกดัดแปลงและพัฒนาจนกลายเป็นแกงไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้รับความนิยมไปทั่วโลกในปัจจุบัน

อิทธิพลจากอาหารมุสลิมในพะแนง

พะแนงเป็นแกงไทยที่ได้รับอิทธิพลอย่างชัดเจนจากอาหารมุสลิมหลายกลุ่ม ทั้งจากเปอร์เซีย อินเดีย และมลายู การใช้เครื่องเทศจำพวกยี่หร่า ลูกผักชี ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของอาหารมุสลิม ซึ่งถูกนำมาผสมผสานกับสมุนไพรไทยอย่างข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด กระเทียม และกะปิ จนเกิดเป็นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของพะแนง

การใช้ถั่วต่าง ๆ มาใส่ในอาหารเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอาหารมุสลิม ชาวมุสลิมนิยมใส่ถั่วชนิดต่าง ๆ ลงไปในอาหาร เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยถั่วเหล่านี้จะถูกนำมาบดเพื่อเพิ่มความเข้มข้นให้กับน้ำแกง ในสูตรพะแนงตำรับชาววังสมัยโบราณ ถั่วลิสงป่นจะถูกใส่ระหว่างการเคี่ยวเครื่องแกง ไม่ใช่แค่โรยเพื่อแต่งหน้าเท่านั้น ถั่วลิสงช่วยให้น้ำแกงมีความมันและความเข้มข้นมากขึ้น

ความเชื่อมโยงระหว่างพะแนงกับแกงเนื้อเรนดังของอินโดนีเซีย-มาเลเซียก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานของอิทธิพลมุสลิม แกงเรนดังเป็นแกงเนื้อข้นที่คล้ายกับพะแนง ใช้เครื่องเทศและกะทิ เคี่ยวจนน้ำแกงเหลือน้อยและเข้มข้น ความคล้ายคลึงในรสชาติและวิธีการทำทำให้เชื่อว่าพะแนงอาจได้รับแรงบันดาลใจจากแกงประเภทนี้

การค้าขายและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในอดีตทำให้เครื่องเทศจากตะวันออกกลางและเอเชียใต้เข้ามามีบทบาทในครัวไทย สามเกลอ (รากผักชี กระเทียม พริกไทย) ที่เป็นพื้นฐานของอาหารไทย ก็ถูกนำมาผสมผสานกับเครื่องเทศต่างชาติ จนเกิดเป็นแกงที่มีรสชาติซับซ้อนและหลากหลายชั้น

อิทธิพลมุสลิมไม่ได้หยุดอยู่แค่เครื่องแกงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีการปรุงด้วย การคั่วเครื่องแกงให้หอมก่อนใส่กะทิ การเคี่ยวจนน้ำแกงข้นและมัน และการปรับรสชาติให้กลมกล่อมระหว่างความเค็ม หวาน และเผ็ด ล้วนเป็นเทคนิคที่มาจากประสบการณ์การปรุงอาหารของชาวมุสลิม ที่ถูกนำมาปรับใช้และพัฒนาให้เข้ากับรสนิยมของคนไทย จนกลายเป็นพะแนงที่เราคุ้นเคยในวันนี้

@friyeah

เมนูเปลืองข้าวอีกแล้ว! พะแนงไก่ เนื้อนุ่มน้ำแกงเข้มข้น สูตรนี้ดีต่อสุขภาพ✨ ยีนใช้ กะทิ เทสตี้ฟิต ที่ผลิตจากน้ำมันรำข้าว เป็นกะทิธัญพืช ใช้ทำกับข้าวหรือขนมก็ได้ “อร่อย ดีต่อหัวใจ ไร้กังวล” #กะทิธัญพืช #tastifit #กับข้าว #กินอะไรดี #ห้องครัวtiktok #เมนูง่ายๆ

♬ It is a cute BGM.(847172) – Ai Sasaki

วิธีทำพะแนงแบบง่าย ๆ ที่บ้าน

การทำพะแนงที่บ้านไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากมีส่วนผสมที่ถูกต้องและทำตามขั้นตอน จะได้พะแนงที่อร่อยไม่แพ้ร้านอาหาร ต่อไปนี้คือสูตรพะแนงหมูแบบง่าย ๆ ที่สามารถทำตามได้ที่บ้าน ซึ่งใช้เวลาไม่นานและได้รสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่):

  • เนื้อหมู 500 กรัม (หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
  • น้ำพริกแกงพะแนงสำเร็จรูป 3-4 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิ 2 ถ้วย (แบ่งเป็นหัวกะทิ 1 ถ้วย และหางกะทิ 1 ถ้วย)
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ใบมะกรูด 4-5 ใบ (ฉีกเป็นชิ้นเล็ก)
  • พริกชี้ฟ้าแดง 2-3 เม็ด (หั่นเฉียง)
  • ถั่วลิสงป่น 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้ามี)
  • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำ:

ขั้นตอนแรกคือการคั่วเครื่องแกง ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่หัวกะทิลงไปประมาณครึ่งถ้วย รอจนกะทิแตกมัน จึงใส่น้ำพริกแกงพะแนงลงไปคั่วจนหอมและกะทิแตกมัน ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที การคั่วเครื่องแกงให้หอมเป็นขั้นตอนสำคัญที่ทำให้พะแนงมีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น

ขั้นตอนต่อมาคือใส่เนื้อหมู ใส่เนื้อหมูที่หั่นเป็นชิ้นลงไปผัดกับเครื่องแกงจนเนื้อสุกและเปลี่ยนสี จากนั้นเติมหางกะทิที่เหลือลงไป คนให้เข้ากัน เคี่ยวต่อด้วยไฟกลางจนเนื้อสุกและน้ำแกงข้นขลุกขลิก ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ระหว่างเคี่ยวควรคนเป็นครั้งคราวเพื่อไม่ให้น้ำแกงไหม้ก้นหม้อ

ขั้นตอนปรุงรสและตกแต่ง เมื่อเนื้อสุกแล้ว ให้ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามชอบ ควรมีรสชาติเค็มนำหวานและกลมกล่อม จากนั้นใส่ถั่วลิสงป่น (ถ้ามี) คนให้เข้ากัน เพิ่มใบมะกรูดฉีกและพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงลงไป เคี่ยวต่ออีกสักครู่จนได้ความข้นที่ต้องการ ยกลงจากเตา

พะแนงพร้อมเสิร์ฟร้อน ๆ กับข้าวสวย บางคนชอบเสิร์ฟพร้อมกับไข่ต้มหรือหอมดองเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความอร่อยและสมดุลของรสชาติ พะแนงที่ทำเองจะมีความสดใหม่และสามารถปรับรสชาติได้ตามชอบ ไม่ว่าจะชอบหวานมากหรือน้อย เค็มมากหรือน้อย ก็สามารถปรับได้ตามใจชอบ

การทำพะแนงที่บ้านไม่เพียงแต่ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมอาหารไทยให้กับคนรุ่นหลัง และเป็นการสร้างความอบอุ่นภายในครอบครัวผ่านมื้ออาหารที่ทำด้วยความรักและใส่ใจ

เคล็ดลับการทำพะแนงให้อร่อย

การทำพะแนงให้อร่อยมีเคล็ดลับหลายประการที่จะช่วยยกระดับรสชาติให้ดียิ่งขึ้น เคล็ดลับแรกคือการเลือกใช้กะทิที่มีคุณภาพ กะทิเป็นส่วนประกอบหลักที่สำคัญของพะแนง ควรเลือกกะทิที่มีความเข้มข้นและมันพอสมควร ถ้าใช้กะทิสดยิ่งดี แต่ถ้าใช้กะทิกล่องควรเลือกยี่ห้อที่มีหัวกะทิแน่นและไม่มีน้ำมากเกินไป

เคล็ดลับที่สองคือการคั่วเครื่องแกงให้หอมจริง ๆ ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะจะทำให้พะแนงมีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น ต้องอดทนคั่วเครื่องแกงกับหัวกะทิจนกะทิแตกมันและเครื่องแกงหอม อาจใช้เวลา 5-7 นาที อย่าเพิ่งรีบใส่เนื้อสัตว์ลงไปเร็วเกินไป การคั่วที่ดีจะทำให้น้ำพริกแกงปล่อยน้ำมันออกมา เห็นแยกชั้นจากกะทิ

เคล็ดลับที่สามคือการเลือกเนื้อสัตว์ที่เหมาะสม ถ้าใช้เนื้อหมูควรเลือกส่วนสันนอกหรือสันในที่มีไขมันปนเล็กน้อย จะทำให้เนื้อนุ่มและไม่แห้งเกินไป ถ้าใช้เนื้อไก่ควรเลือกเนื้อสะโพกหรือสะโพกไก่ที่มีความชุ่มฉ่ำ ส่วนถ้าใช้เนื้อวัวควรเลือกส่วนสันใน หั่นเนื้อเป็นชิ้นพอดีคำ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป เพื่อให้เนื้อสุกพอดีและซับน้ำแกงได้ดี

เคล็ดลับที่สี่คือการปรุงรสให้สมดุล พะแนงต้องมีรสชาติเค็มนำหวาน ไม่เผ็ดจัดจนเกินไป การปรุงรสต้องลงมือทีละนิด ชิมบ่อย ๆ เพราะกะทิและน้ำพริกแกงแต่ละยี่ห้อมีความเค็มและความเผ็ดไม่เท่ากัน ควรปรุงรสตอนท้ายเมื่อน้ำแกงเริ่มข้นแล้ว เพื่อให้ได้รสชาติที่แม่นยำ

เคล็ดลับสุดท้ายคือการเติมถั่วลิสงป่น ถึงแม้จะไม่ใช่ส่วนผสมที่จำเป็น แต่ถั่วลิสงป่นจะช่วยเพิ่มความเข้มข้น ความมัน และความหอมให้กับพะแนง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพะแนงตำรับโบราณ ควรใส่ถั่วลิสงป่นตอนท้าย ๆ ก่อนยกลงจากเตา และคนให้เข้ากันดี การใส่ใบมะกรูดฉีกและพริกชี้ฟ้าหั่นตอนท้ายจะช่วยเพิ่มความหอมและสีสันให้กับจาน ทำให้พะแนงดูน่ารับประทานมากขึ้น

ทิ้งท้าย

พะแนงไม่ใช่แค่แกงไทยธรรมดา แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความหลากหลายและการผสมผสานทางอาหารของไทย ตั้งแต่อิทธิพลจากเปอร์เซีย อินเดีย มลายู และเขมร จนกลายมาเป็นแกงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและได้รับความนิยมไปทั่วโลก รสชาติเค็มนำหวาน น้ำแกงข้นเข้มข้น กลิ่นหอมจากเครื่องเทศและสมุนไพร ล้วนทำให้พะแนงเป็นที่รักของทุกคน

การที่พะแนงได้รับการจัดอันดับให้เป็นแกงอร่อยที่สุดในโลกเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทย แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการรักษาและสืบทอดวิธีการทำพะแนงให้กับรุ่นต่อไป การทำพะแนงที่บ้านไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่มีส่วนผสมที่ถูกต้อง ทำตามขั้นตอน และใส่ใจในรายละเอียด ก็จะได้พะแนงที่อร่อยไม่แพ้ร้านอาหาร

หากยังไม่เคยลองทำพะแนงเอง วันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้น ลองหาเครื่องแกงพะแนงมาทำดู ปรับรสชาติตามชอบ และเสิร์ฟให้คนในครอบครัวได้ลิ้มรส การทำอาหารด้วยตัวเองไม่เพียงแต่ทำให้ได้อาหารที่อร่อยและสะอาด แต่ยังเป็นการสร้างความผ€กพันในครอบครัวและสืบทอดวัฒนธรรมอาหารไทยให้คงอยู่ต่อไป พะแนงคือมากกว่าแกง มันคือเรื่องราวของคนไทยที่ถูกเล่าผ่านรสชาติและกลิ่นหอมที่อบอวลในทุกคำ

กดเพื่ออ่านต่อ

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button