อาหารและเครื่องดื่ม

องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat) ราชาแห่งองุ่นพรีเมียมที่หอมหวานที่สุดในโลก

องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat) ถือเป็นสุดยอดองุ่นพรีเมียมที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ราชาแห่งองุ่น” ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่นในปี 2006 จากการผสมผสานระหว่างองุ่นสายพันธุ์ Summer และ Oriental Star ผลที่ได้คือองุ่นสายพันธุ์ใหม่ที่มีความพิเศษทั้งในด้านรสชาติและกลิ่นหอม

Advertisement

ด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่นทั้งผลขนาดใหญ่ เนื้อกรอบ รสชาติหวานหอม และกลิ่นมัสแคทที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้องุ่นไชน์มัสแคทได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่นและแพร่หลายไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยที่มีการนำเข้าและเริ่มทดลองปลูกในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศเหมาะสม

ปัจจุบัน องุ่นไชน์มัสแคทไม่เพียงแต่เป็นผลไม้ยอดนิยมสำหรับรับประทานเล่นเท่านั้น แต่ยังถูกนำไปใช้เป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ และเป็นวัตถุดิบในการทำขนมหวานระดับพรีเมียมอีกด้วย ความพิเศษนี้สะท้อนผ่านราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับองุ่นสายพันธุ์อื่นๆ

ลักษณะเด่นขององุ่นไชน์มัสแคท

องุ่นไชน์มัสแคทมีลักษณะภายนอกที่สะดุดตาด้วยผลทรงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 เซนติเมตร ผิวเปลือกเรียบเนียน สีเขียวอมเหลืองอ่อน มีความใสคล้ายหยกที่มองเห็นเนื้อด้านในได้ เปลือกบางและสามารถรับประทานได้โดยไม่มีรสฝาด

เนื้อองุ่นมีความกรอบ เด้ง มีความฉ่ำน้ำพอดี ไม่เละหรือนิ่มจนเกินไป รสชาติหวานกำลังดีด้วยค่าความหวานที่อยู่ระหว่าง 18-20 บริกซ์ ที่สำคัญคือมีกลิ่นหอมของมัสแคทที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะได้กลิ่นชัดเจนตั้งแต่นำผลมาวางไว้ใกล้ๆ

ช่อองุ่นมีขนาดใหญ่ แต่ละช่อมีผลองุ่นประมาณ 15-20 ผล เรียงตัวสวยงาม ก้านและขั้วมีสีเขียวสด แสดงถึงความสดใหม่ ผลองุ่นติดกับก้านแน่น ไม่หลุดร่วงง่าย ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นานกว่าองุ่นทั่วไป

Shine Muscat 2

เปรียบเทียบองุ่นไชน์มัสแคทกับองุ่นสายพันธุ์อื่น

รสชาติ (Taste)

  • ไชน์มัสแคท: มีรสชาติหวานละมุน (18-20 Brix) พร้อมกับความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีความเปรี้ยวเจือปน รสชาติสม่ำเสมอทั้งผล
  • องุ่นเขียวทั่วไป: มีรสหวานผสมเปรี้ยวเล็กน้อย (14-16 Brix) บางครั้งอาจมีรสเปรี้ยวชัดเจน ขึ้นอยู่กับความสุก
  • องุ่นแดง: มีรสหวานเด่นชัด (16-18 Brix) แต่ไม่มีความซับซ้อนของรสชาติเท่าไชน์มัสแคท

กลิ่น (Aroma)

  • ไชน์มัสแคท: มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวแบบมัสแคทที่โดดเด่น สามารถได้กลิ่นชัดเจนแม้ยังไม่ได้รับประทาน
  • องุ่นเขียวทั่วไป: มีกลิ่นหอมอ่อนๆ แทบไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • องุ่นแดง: มีกลิ่นหอมปานกลาง แต่ไม่เด่นชัดเท่าไชน์มัสแคท

ขนาดผล (Size)

  • ไชน์มัสแคท: ผลมีขนาดใหญ่พิเศษ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 ซม.
  • องุ่นเขียวทั่วไป: ขนาดปานกลาง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2 ซม.
  • องุ่นแดง: ขนาดปานกลาง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2 ซม.

ราคา (Price)

  • ไชน์มัสแคท: ราคาสูง (ประมาณ 500-1,000 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและแหล่งที่มา)
  • องุ่นเขียวทั่วไป: ราคาปานกลาง (ประมาณ 100-200 บาทต่อกิโลกรัม)
  • องุ่นแดง: ราคาปานกลาง (ประมาณ 100-200 บาทต่อกิโลกรัม)

การรับประทานเปลือก (Skin Edibility)

  • ไชน์มัสแคท: เปลือกบางพิเศษ ไม่มีรสฝาด สามารถรับประทานได้พร้อมเนื้อ ทำให้ได้รสชาติและคุณค่าทางอาหารครบถ้วน
  • องุ่นเขียวทั่วไป: เปลือกค่อนข้างหนา มักมีรสฝาด คนส่วนใหญ่จึงไม่นิยมรับประทานเปลือก
  • องุ่นแดง: แม้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระในเปลือกสูง แต่เปลือกค่อนข้างเหนียวและอาจมีรสฝาด จึงไม่นิยมรับประทาน

คุณลักษณะพิเศษเหล่านี้ทำให้องุ่นไชน์มัสแคทมีราคาสูงกว่าองุ่นทั่วไป แต่ก็ให้ประสบการณ์การรับประทานที่แตกต่างและพิเศษกว่า ทั้งในแง่ของรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัส ต้องการให้อธิบายเพิ่มเติมในส่วนไหนอีกไหมครับ?

องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat)

การปลูกและการดูแลรักษา

การปลูกองุ่นไชน์มัสแคทต้องการการดูแลเป็นพิเศษและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยต้องปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส ดินต้องมีการระบายน้ำดี มีความอุดมสมบูรณ์สูง และมีค่า pH ประมาณ 5.5-6.5

เกษตรกรต้องให้ความใส่ใจในการตัดแต่งกิ่งและจัดการทรงพุ่มอย่างสม่ำเสมอ การตัดแต่งช่อผลให้เหลือจำนวนที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผลที่เหลือได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังต้องมีการห่อผลเพื่อป้องกันแมลงและโรค รวมถึงควบคุมปริมาณแสงที่ผลได้รับ

ระบบการให้น้ำและปุ๋ยต้องมีความแม่นยำ โดยเฉพาะในช่วงการพัฒนาผล ต้องควบคุมความชื้นให้เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อป้องกันการแตกของผลและการเกิดโรค การเก็บเกี่ยวต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อรักษาคุณภาพของผลองุ่น

คุณค่าทางโภชนาการ

องุ่นไชน์มัสแคทไม่เพียงแต่มีรสชาติที่อร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ในองุ่น 100 กรัม มีแคลอรี่เพียง 60-70 กิโลแคลอรี่ แต่อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และวิตามินเคที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด

สารต้านอนุมูลอิสระในองุ่นไชน์มัสแคทมีปริมาณสูง โดยเฉพาะสารเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ที่มีคุณสมบัติในการชะลอวัยและป้องกันโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ที่ช่วยต้านการอักเสบและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ที่น่าสนใจคือ องุ่นไชน์มัสแคทมีใยอาหารสูง ช่วยในระบบการย่อยอาหาร และยังมีแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมถึงการควบคุมความดันโลหิตและการทำงานของกล้ามเนื้อ

องุ่นไชน์มัสแคท (Shine Muscat)

การเลือกซื้อองุ่นไชน์มัสแคท

การเลือกซื้อองุ่นไชน์มัสแคทให้ได้คุณภาพดีนั้น เริ่มต้นจากการสังเกตลักษณะภายนอกของช่อองุ่น ควรเลือกช่อที่มีก้านสีเขียวสด ไม่เหี่ยว ผลองุ่นติดแน่นกับขั้ว ไม่หลุดร่วง ผิวเปลือกต้องเรียบเนียน ไม่มีรอยช้ำหรือตำหนิ สีเขียวอมเหลืองสม่ำเสมอทั้งช่อ

ขนาดของผลองุ่นควรมีความสม่ำเสมอกันทั้งช่อ และมีขนาดใหญ่ตามมาตรฐานของสายพันธุ์ สังเกตได้จากเส้นผ่านศูนย์กลางที่ควรอยู่ที่ประมาณ 3-4 เซนติเมตร ผลองุ่นควรมีความใสมองเห็นเนื้อด้านใน และที่สำคัญคือต้องมีกลิ่นหอมมัสแคทที่เป็นเอกลักษณ์

การเลือกซื้อควรพิจารณาแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือของผู้จำหน่ายด้วย เนื่องจากองุ่นไชน์มัสแคทมีราคาค่อนข้างสูง จึงควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่มีระบบจัดเก็บที่ดี มีการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม และมีการแสดงแหล่งที่มาของสินค้าอย่างชัดเจน

การเก็บรักษา

การเก็บรักษาองุ่นไชน์มัสแคทให้คงความสดใหม่นานที่สุด ต้องเริ่มตั้งแต่การจัดการหลังการซื้อ ควรนำองุ่นเก็บในตู้เย็นทันทีที่กลับถึงบ้าน โดยควรเก็บในช่องผักที่มีอุณหภูมิประมาณ 4-6 องศาเซลเซียส และควรคงความชื้นสัมพัทธ์ที่ 90-95% เพื่อป้องกันการเหี่ยวของผล

ก่อนเก็บ ไม่ควรล้างองุ่น เพราะความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย แนะนำให้เก็บในถุงพลาสติกที่เจาะรูระบายอากาศ หรือกล่องพลาสติกที่มีฝาปิด การเก็บที่ถูกวิธีจะช่วยให้องุ่นไชน์มัสแคทสามารถเก็บได้นานถึง 2-3 สัปดาห์โดยยังคงรสชาติและความกรอบไว้ได้

การตรวจสอบองุ่นระหว่างการเก็บรักษาเป็นสิ่งสำคัญ ควรหมั่นตรวจดูและคัดแยกผลที่เริ่มเน่าหรือเสียออก เพื่อป้องกันการลุกลามไปยังผลอื่นๆ ถ้าพบว่ามีผลใดเริ่มนิ่มหรือมีรอยช้ำ ควรรีบนำมารับประทานก่อน

Shopee Shine Muscat

การรับประทาน

องุ่นไชน์มัสแคทมีเอกลักษณ์พิเศษคือสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก เนื่องจากเปลือกบางและไม่มีรสฝาด แต่ก่อนรับประทานควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำผสมเกลือเล็กน้อยเพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งและซับให้แห้ง

วิธีรับประทานที่แนะนำคือการรับประทานสดๆ ที่อุณหภูมิห้องหรือเย็นเล็กน้อย เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูต่างๆ เช่น สลัดผลไม้ ของหวาน หรือเครื่องดื่ม แต่ควรรับประทานสดจะได้รสชาติที่ดีที่สุด

การรับประทานองุ่นไชน์มัสแคทไม่ควรรับประทานมากเกินไปในครั้งเดียว แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ด้วยความหวานที่สูง จึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำประมาณ 8-10 ผลต่อครั้ง

ทิ้งท้าย

องุ่นไชน์มัสแคทเป็นผลไม้พรีเมียมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยเหตุผลที่ชัดเจน ทั้งรสชาติที่หวานหอม เนื้อสัมผัสที่กรอบเด้ง และกลิ่นมัสแคทที่เป็นเอกลักษณ์ แม้จะมีราคาสูง แต่ด้วยคุณภาพและรสชาติที่พิเศษ ทำให้คุ้มค่ากับการลิ้มลอง

การเลือกซื้อและเก็บรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ได้รับประสบการณ์การรับประทานที่ดีที่สุด นอกจากความอร่อยแล้ว คุณค่าทางโภชนาการที่มีอยู่มากมายยังเป็นข้อดีที่ทำให้องุ่นไชน์มัสแคทเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ

สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองชิม องุ่นไชน์มัสแคทถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าลิ้มลอง และอาจทำให้คุณเข้าใจได้ว่าทำไมองุ่นสายพันธุ์นี้จึงได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งองุ่น” อย่างแท้จริง

Advertisement

Source
Earth to Veg
Advertisement

Aroimak

ในฐานะนักวิจารณ์ เชื่อว่าอาหารเป็นงานศิลปะรูปแบบหนึ่ง และมุ่งมั่นที่จะเขียนบทวิจารณ์ที่ทั้งสวยงามและให้ข้อมูลแก่ผู้อ่าน บทวิจารณ์จะครอบคลุมรสชาติ คุณภาพ และราคาของอาหาร รวมถึงบรรยากาศของร้านอาหารและการบริการของพนักงาน เชื่อว่าบทวิจารณ์จะช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจได้อย่างรอบคอบเมื่อเลือกร้านอาหารที่จะไปเยือน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button