ขนมปังปิ้งคืออะไร? ประวัติและวิธีทำที่ทุกคนทำได้
- ขนมปังปิ้งคืออะไร ขนมปังที่ผ่านความร้อนจนเป็นสีน้ำตาลโดยปฏิกิริยามายาร์ด ทำให้เกิดความกรอบและกลิ่นหอม พื้นผิวที่แน่นขึ้นเหมาะสำหรับทาท็อปปิงต่างๆ
- ประวัติที่น่าสนใจ มีต้นกำเนิดตั้งแต่ยุคกลางศตวรรษที่ 14 จากการทำ Golden Sops และพัฒนามาเป็น Welsh Rarebit ในศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งเครื่องปิ้งขนมปังไฟฟ้าเข้าสู่บ้านทุกหลังในช่วงทศวรรษ 1920
- วิธีทำที่หลากหลาย สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งเครื่องปิ้งขนมปัง กระทะ และเตาถ่าน แต่ละวิธีให้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกัน เลือกใช้ตามความชอบและอุปกรณ์ที่มี
- เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ เลือกขนมปังหนาพอเหมาะ ใช้ไฟที่เหมาะสม ทาเนยขณะยังร้อน และปรับเปลี่ยนท็อปปิงตามความชอบ จะได้ขนมปังปิ้งที่อร่อยสมบูรณ์แบบ
เคยสงสัยไหมว่าทำไมขนมปังปิ้งถึงเป็นเมนูอาหารเช้าที่ได้รับความนิยมทั่วโลก? แม้จะดูเป็นเพียงขนมปังธรรมดาที่ผ่านความร้อน แต่กระบวนการปิ้งขนมปังกลับเปลี่ยนเนื้อสัมผัสและรสชาติให้กลายเป็นอาหารที่หลายคนหลงรัก ตั้งแต่ความกรอบนอกที่หอมเนย ไปจนถึงความนุ่มในที่อุ่นๆ ขนมปังปิ้งไม่เพียงแต่เป็นอาหารเช้าที่รวดเร็ว แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนรสชาติได้หลากหลายตามความชอบ
จากประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี ขนมปังปิ้งได้พัฒนามาจากวิธีการถนอมอาหารในยุคโบราณ สู่การเป็นอาหารยอดนิยมในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาไปรู้จักกับขนมปังปิ้งตั้งแต่ความหมาย ประวัติความเป็นมา ไปจนถึงวิธีการทำแบบง่ายๆ ที่สามารถลองทำได้ที่บ้าน พร้อมเคล็ดลับการปิ้งให้ได้ขนมปังที่กรอบหอมสมบูรณ์แบบ
ขนมปังปิ้งคืออะไร?
ขนมปังปิ้ง (Toast) คือขนมปังแผ่นที่ผ่านกระบวนการทำให้เป็นสีน้ำตาลโดยการใช้ความร้อน การเปลี่ยนสีของขนมปังเกิดจากปฏิกิริยามายาร์ด (Maillard Reaction) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างน้ำตาลและโปรตีนในอุณหภูมิสูง ทำให้เกิดสีน้ำตาลและกลิ่นหอมที่น่ารับประทาน
กระบวนการปิ้งช่วยเปลี่ยนเนื้อสัมผัสของขนมปังให้กรอบขึ้น โดยเฉพาะพื้นผิวด้านนอก ในขณะที่ด้านในยังคงความนุ่มไว้ได้ พื้นผิวที่กรอบและแน่นขึ้นทำให้สามารถทาท็อปปิงต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเนย แยมผลไม้ น้ำผึ้ง หรือขนมปังหน้าหมูที่เป็นเมนูยอดนิยมของไทย
ความอุ่นของขนมปังที่เพิ่งปิ้งเสร็จใหม่ยังช่วยให้เนยหรือท็อปปิงอื่นๆ ละลายได้เร็ว ทำให้รสชาติกลมกล่อมและหอมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การปิ้งขนมปังยังเป็นวิธีการทำให้ขนมปังที่เริ่มเก่าหรือแห้งกลับมาน่ารับประทานได้อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ขนมปังปิ้งจึงกลายเป็นวิธีการใช้ขนมปังที่เหลือให้คุ้มค่าและอร่อย

ประวัติความเป็นมาของขนมปังปิ้ง
ประวัติของขนมปังปิ้งมีความยาวนานกว่าที่หลายคนคิด โดยย้อนกลับไปถึงยุคกลางในศตวรรษที่ 14 เมื่อมีการทำ “Golden Sops” ซึ่งเป็นขนมปังจุ่มไข่แดงและหญ้าฝรั่น (saffron) แล้วทอดด้วยเนย ในยุคนั้นนักเล่นแร่แปรธาตุเชื่อว่าถ้าทำให้ทองคำกินได้จะรักษาโรคได้ทุกอย่างและทำให้อมตะ แต่เนื่องจากไม่สามารถทำได้ จึงใช้วัตถุดิบสีทองอย่างไข่แดง หญ้าฝรั่น และเนยทดแทนแทน
สำหรับขนมปังปิ้งอบเชย มีรากฐานมาจากอิตาลีในศตวรรษที่ 15 โดยปรากฏในตำราอาหาร Cuoco Napoletano ของชาวเนเปิลส์ ซึ่งมีสูตร “Crostata de Caso, Pane” ที่เป็นการทำขนมปังปิ้งทาเนย โรยน้ำตาลและอบเชย จากนั้นวางชีสสดและโรยอบเชยน้ำตาลอีกชั้น แล้วอบจนชีสละลาย เมนูนี้ได้รับความนิยมมากว่า 500 ปีแล้ว
ในศตวรรษที่ 19 ขนมปังปิ้งกับชีสซอสกลายเป็นเมนูยอดนิยมสำหรับมื้อดึกหรือหลังดูละคร โดยมีการพัฒนาเป็น Welsh Rarebit (ทำจากเบียร์และชีสเชดดาร์) และ fondue (ทำจากไวน์ขาวและชีส Gruyère) ในยุคนั้นชาวอังกฤษมีความหลงใหลกับขนมปังปิ้งมาก จนมีการเขียนตำราอาหารเกี่ยวกับเทคนิคการปิ้งขนมปังอย่างละเอียด
การปิ้งขนมปังในอดีตทำโดยวางขนมปังบนตะแกรงเหนือถ่านร้อน และต้องคอยกลับด้านเพื่อให้ทั้งสองด้านเป็นสีน้ำตาลสม่ำเสมอ ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1920 เมื่อไฟฟ้าเข้าสู่ครัวเรือนอเมริกัน เครื่องปิ้งขนมปังไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะจึงกลายเป็นเครื่องใช้ที่พบได้ทั่วไป ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการผลิตขนมปังแผ่นสำเร็จรูปจำหน่ายในตลาด
วิธีทำขนมปังปิ้งแบบง่ายๆ
การทำขนมปังปิ้งที่บ้านเป็นเรื่องง่ายและสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะใช้เครื่องปิ้งขนมปัง กระทะ หรือแม้แต่เตาถ่านแบบโบราณ แต่ละวิธีจะให้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นจึงเลือกได้ตามความชอบและอุปกรณ์ที่มีอยู่
วัตถุดิบพื้นฐาน
- ขนมปังแผ่น (ขนมปังขาว ขนมปังโฮลวีต หรือขนมปังธัญพืช)
- เนยสด (ชนิดจืดหรือเค็มตามชอบ)
- น้ำตาลทราย นมข้นหวาน หรือแยมผลไม้
- ท็อปปิงเพิ่มเติมตามชอบ
วิธีทำด้วยเครื่องปิ้งขนมปัง
เครื่องปิ้งขนมปังทำงานโดยใช้แผงลวดทำความร้อน 4 แผง ที่สร้างความร้อนจากลวดนิโครม เมื่อใส่ขนมปังลงในช่องและกดคันโยกลง สวิตช์จะเปิดไฟฟ้าเข้าไปในแผง เมื่อถึงระดับความร้อนที่ตั้งไว้ เครื่องจะตัดไฟและคันโยกจะเด้งออก ทำให้ขนมปังกระเด้งขึ้นมา วิธีนี้ให้ความกรอบสม่ำเสมอทั้งสองด้าน
ใส่ขนมปังลงในเครื่องและเลือกระดับความร้อนตามความชอบ ถ้าชอบเหลืองอ่อนให้เลือกระดับต่ำ แต่ถ้าชอบสีน้ำตาลเข้มและกรอบมากให้เลือกระดับสูง เมื่อขนมปังเด้งขึ้นมา ทาเนยทันทีขณะที่ยังร้อน เพื่อให้เนยละลายและซึมเข้าไปในขนมปัง จากนั้นโรยน้ำตาลทราย ราดนมข้นหวาน หรือทาแยมตามชอบ
วิธีทำด้วยกระทะ
สำหรับคนที่ชอบรสชาติแบบเข้มข้นและหอมเนยมากขึ้น การปิ้งด้วยกระทะเป็นอีกทางเลือกที่ดี ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อนถึงกลาง ใส่เนยลงไปให้ละลาย จากนั้นวางขนมปังลงบนเนยที่ละลาย ให้ขนมปังซึมซับเนยเข้าไป ปิ้งจนด้านล่างเป็นสีเหลืองทอง แล้วพลิกกลับด้านและปิ้งอีกด้านจนกรอบเช่นกัน
เทคนิคการปิ้งด้วยกระทะแบบโบราณคือปิ้งขนมปังจนเริ่มเหลือง จากนั้นทาเนยให้ทั่วแผ่นขนมปัง แล้วนำกลับไปคว่ำหน้าบนกระทะอีกครั้ง เพื่อให้เนยละลายและคาราเมลไลซ์ สร้างชั้นกรอบหอมที่เป็นเอกลักษณ์ วิธีนี้จะได้ขนมปังที่กรอบมากกว่าและมีรสชาติเนยเข้มข้น
วิธีทำด้วยเตาถ่าน
การปิ้งขนมปังด้วยเตาถ่านเป็นวิธีแบบดั้งเดิมที่ยังคงได้รับความนิยมในหมู่ผู้ขายขนมปังปิ้งโบราณ ความร้อนจากถ่านให้กลิ่นหอมพิเศษและความกรอบที่คงทนนาน ตั้งเตาถ่านจนถ่านมีความร้อนสม่ำเสมอ ทาเนยหรือมาร์การีนบนขนมปัง จากนั้นวางบนตะแกรงเหนือเตาถ่าน ปิ้งทีละด้านจนได้สีน้ำตาลตามต้องการ คอยกลับด้านเป็นระยะเพื่อไม่ให้ไหม้
ขนมปังที่ปิ้งด้วยเตาถ่านจะมีความกรอบที่คงทนนานกว่าวิธีอื่น และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เมื่อปิ้งเสร็จให้โรยน้ำตาลทรายหรือราดนมข้นหวานทันที วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความกรอบพิเศษและชอบบรรยากาศแบบโบราณ หรือกำลังคิดจะทำขายเป็นอาชีพเสริม
เคล็ดลับการปิ้งขนมปังให้อร่อย
เลือกขนมปังที่มีความหนาพอเหมาะ ประมาณ 1 นิ้ว จะได้ขนมปังที่กรอบนอกแต่ยังนุ่มในอยู่ ถ้าขนมปังบางเกินไปจะแห้งและกรอบทั้งแผ่น ส่วนขนมปังหนาเกินไปอาจไม่สุกทั่วถึง ใช้ไฟที่เหมาะสม ไฟแรงเกินไปจะทำให้ขนมปังไหม้ด้านนอกแต่ยังไม่กรอบด้านใน ในขณะที่ไฟอ่อนเกินไปจะทำให้ขนมปังแห้งแต่ไม่กรอบ
ทาเนยขณะที่ขนมปังยังร้อน เพื่อให้เนยละลายและซึมเข้าไปในเนื้อขนมปัง ถ้าต้องการความกรอบเพิ่มและรสชาติเข้มข้น ให้ทาเนยก่อนปิ้งแทนการทาหลังปิ้ง หรือทาทั้งก่อนและหลังปิ้งเพื่อได้ทั้งความกรอบและความชุ่มฉ่ำ ลองปรับเปลี่ยนท็อปปิงตามความชอบ เช่น แยมสตรอว์เบอร์รี่ แพนเค้กแบบน้ำผึ้ง หรือแม้แต่น้ำพริกเผาสำหรับรสชาติคาวหวาน
ขนมปังปิ้งกับวัฒนธรรมไทย
ในประเทศไทย ขนมปังปิ้งได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่พบเห็นได้ทั่วไป ทั้งในร้านอาหารเช้า ร้านกาแฟ และแผงลอยตามตลาดนัด ขนมปังปิ้งสไตล์ไทยมักจะมีท็อปปิงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนยนมน้ำตาล สังขยาใบเตย นมสด ช็อกโกแลต หรือแม้แต่น้ำพริกเผา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานรสชาติ
ขนมปังปิ้งแบบโบราณที่ปิ้งด้วยเตาถ่านยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความคลาสสิก ร้านขนมปังปิ้งโบราณหลายแห่งมีอายุกว่า 40 ปี และยังคงใช้วิธีการเดิมในการปิ้งขนมปัง ความพิเศษของขนมปังปิ้งแบบนี้คือความกรอบที่คงทนนาน และกลิ่นหอมจากถ่านที่ไม่สามารถหาได้จากวิธีอื่น
นอกจากนี้ยังมีขนมปังปิ้งเสียบไม้ที่กำลังได้รับความนิยม เป็นการนำขนมปังมาหั่นเป็นแท่ง ทาเนยและโรยน้ำตาล จากนั้นเสียบไม้และปิ้งจนกรอบ ทำให้สามารถถือกินได้สะดวก เหมาะกับการเป็นอาหารว่างหรือของขบเคี้ยว เมนูนี้ได้รับความนิยมในงานเทศกาลและตลาดนัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงร้านขายขนมหลากหลายรูปแบบที่มีทั้งขนมปังปิ้งและเครื่องดื่ม
ทิ้งท้าย
ขนมปังปิ้งเป็นมากกว่าแค่อาหารเช้าธรรมดา แต่เป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากวิธีการถนอมอาหารในยุคกลาง สู่การเป็นเมนูยอดนิยมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบในยุคปัจจุบัน การทำขนมปังปิ้งที่บ้านเป็นเรื่องง่ายและสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะใช้เครื่องปิ้งขนมปัง กระทะ หรือเตาถ่าน แต่ละวิธีจะให้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกัน
การเลือกขนมปังที่มีคุณภาพดี ใช้ความร้อนที่เหมาะสม และทาเนยในเวลาที่ถูกต้อง จะช่วยให้ได้ขนมปังปิ้งที่กรอบหอมสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะชอบรสชาติหวาน คาว หรือผสมผสาน ขนมปังปิ้งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ทำให้เป็นอาหารที่ไม่มีวันเบื่อและเหมาะกับทุกมื้อของวัน
ลองนำเทคนิคและความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ทำขนมปังปิ้งที่บ้าน หรือหากสนใจจะทำขายเป็นอาชีพเสริม ก็สามารถเริ่มต้นได้ง่ายด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมาก แบ่งปันบทความนี้ให้เพื่อนๆ ที่รักในการทำอาหาร หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขนมปังปิ้งสูตรโปรดได้ในคอมเมนต์ เพราะการแบ่งปันประสบการณ์จะช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการทำอาหารร่วมกัน








![[Review] บ้านแสนไห คาเฟ่ ณ อุบลราชธานี #9 [Review] บ้านแสนไห คาเฟ่ ณ อุบลราชธานี](https://www.aroimak.co/wp-content/uploads/2020/09/Sanhicafe-Cover-390x220.jpg)
